สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มมือปืนชาวมุสลิมได้ยิงถล่มโรงแรมแห่งหนึ่ง ในกรุงโมกาดิชู ใกล้กับทำเนียบประธานาธิบดีแห่งโซมาเลีย ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 32 คนซึ่งรวมถึงคณะรัฐมนตรีจำนวน 3 คน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า มือปืนกลุ่มดังกล่าวน่าจะปลอมตัวเป็นทหารของรัฐบาล
โดยมือปืน 2 คนได้บุกเข้าไปในโรงแรม "มูน่า" และระดมยิงประชาชนที่อยู่ภายในโรงแรม ก่อนที่สมาชิกในกลุ่มคนหนึ่งจะกดระเบิดพลีชีพ และทำให้มีผู้เสียชีวิตดังกล่าว
ชี้ค อาลี โมฮาหมัด ราเก้ จากกองทัพมุสลิมอัล-ชาบาบ กล่าวว่า "กลุ่มกองกำลังพิเศษ" อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้
โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นในวันที่ 2 ของการสู้รบอย่างรุนแรงระหว่างกลุ่มอัล-ชาบาบ และกองกำลังของรัฐบาลรักษาการณ์ ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากกลุ่มสหภาพแอฟริกัน (เอยู)
โรงแรมมูน่า เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมในหมู่เจ้าหน้าที่ของรัฐบาล เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลซึ่งมีความเข้มงวดมาก
นายอับดิราห์มัน อิบบี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้เสียชีวิตประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี 6 คน เจ้าหน้าที่รัฐบาล 5 คน และพลเรือนอีก 21 คน และเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่ "น่าตกใจและป่าเถื่อน" เนื่องจากช่วงนี้ เป็นช่วงเทศกาลถือศีลอด (รอมฎอน) ของชาวมุสลิม
โดยนายมาจ บาริกเย บาโฮกู โฆษกแห่งกลุ่มรักษาสันติภาพแห่งสหภาพแอฟริกัน กล่าวว่า เด็กขัดร้องเท้าวัย 11 ปี และแม่ค้าขายชาหน้าโรงแรม อยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตเช่นกัน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวดำเนินไปนานกว่า 1 ชั่วโมง
พนักงานโรงแรมรายหนึ่งที่รอดชีวิตกล่าวว่า มือปืนระดมยิงกระสุนไปทั่วบริเวณ จนไม่มีใครได้ทันมีโอกาสตั้งตัว และเขาโชคดีเพราะว่าเขาสามารถกระโดหนีออกทางหน้าต่างได้ทัน ขณะที่มือปืนเล็งปืนมาทางเขา
โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กลุ่มอัล-ชาบาบ ได้เริ่มการปฏิบัติการแผนการโจมตี หลังจากที่โฆษกของกลุ่มได้เปิดเผยว่า จะเปิด "สงครามมวลชน" ต่อกลุ่มเอยู โดยกล่าวว่า กลุ่มเอยู อยู่ในฐานะ "ผู้บุกรุก" โดยพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน และบาดเจ็บมากกว่า 130 คน นอกจากนั้นกลุ่มยังอ้างความรับผิดชอบในเหตุการณ์วางระเบิด 2 ลูกในประเทศอูกันดา ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกอีกด้วย