ศอฉ.แฉหน่วยข่าวพบแดงเตรียมป่วนหลังเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้เตรียมขยายบางจังหวัด ยันรัฐไม่สร้างระเบิดเองหวังต่อ พ.ร.ก. ระบุเตรียมขอศาลออกหมายจับ “กำพล” เอี่ยวบึ้ม ภท. เชื่อไม่ทำคนเดียว.......
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.เวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงพล วัฒนะชัย รองผู้บังคับการอำนวยการกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษดีเอสไอ แถลงผลการปฏิบัติภารกิจของ ศอฉ. ในห้วงที่ผ่านมา หลังจากที่มีการย้ายกองบัญชาการ ศอฉ. จากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ มาที่กองบัญชาการกองทัพบก
พ.ต.อ.ทรงพล กล่าวว่า จากการปฏิบัติการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมี 3 เรื่อง
คือ 1.การรายงานผลความคืบหน้าของการสืบสวนติดตามจับกุมคดีตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามหมายจับ (ฉฉ.) ที่ขออนุมัติหมายจับต่อศาลในการควบคุมเบื้องต้นเกรงว่าจะไปก่อเหตุการยุยง ส่งเสริมก่อความไม่สงบเรียบร้อย โดยออกไปจำนวนทั้งสิ้น 84 หมาย ขณะนี้ได้ดำเนินการจับกุมได้แล้ว 35 หมาย คงเหลือ 49 หมาย 2.หมายคดีอาญาที่มีการฝ่าฝืนตาม พรก.ฉุกเฉิน และเจ้าพนักงานตำรวจได้ขออนุมัติต่อศาลอาญามีจำนวนทั้งสิ้น 886 หมาย ได้ติดตามจับกุมแล้ว จำนวน 200 หมาย คงเหลือที่จะจับกุมอีก 686 หมาย 3.เรื่องการฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน แต่เป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้า โดยจับกุมได้ทั้งสิ้น 417 คน ส่วนการฝ่าฝืนคำสั่งของการประกาศกำหนดเขตการเข้าออกในเคหะสถานตามห้วงเวลา หรือเคอร์ฟิวส์ ได้ติดตามจับกุมรวม 1,334 หมาย นอกจากนี้ยังมีบุคคลที่กระทำความผิด และรู้ว่าจะมีการติดตามจับกุมโดยที่เรายังไม่มีการออกหมายเข้ามารายงานตัว อีก 9 ราย รวมคดีทั้งสิ้นจนถึงวันที่ 23 มิ.ย.นี้ จำนวน 2,730 ราย จับกุมแล้ว 1,984 ราย ในส่วนนี้จะต้องสืบสวนจับกุมต่อไป 744 ราย ส่วนที่เหลือเป็นหมาย (ฉฉ.) รวมถึงบุคคล หรือ แกนนำสำคัญที่หลบหนีอยู่ และ บุคคลที่หลบหนีตามพื้นที่ต่าง ๆ
พ.ต.อ.ทรงพล กล่าวว่าคดีของนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ยังหลบหนีอยู่
ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ติดตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งบ้านพักภรรยา บุตร หรือ บ้านพักบิดามารดาของ นายสุภรณ์ แม้กระทั่งเพื่อนสนิทที่จะหลบหนี หรือสถานที่ต่าง ๆ ที่ได้ไปพักพิง โดยเราได้ดำเนินการทุกมิติ หรือทุกช่องทาง นอกจากนี้ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หรือนายอดิศร เพียงเกษ ที่ยังหลบหนีอยู่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวน โดยกองบังคับการตำรวจปราบปราม แบ่งชุดปฏิบัติออกเป็น 7 ชุด ในการเฝ้าติดตาม ส่วนมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่ กทม. ทางตำรวจนครบาลได้ปรับแผนหลังจากมีเหตุการณ์ระเบิดที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เพื่อให้เกิดความกระชับมากยิ่งขึ้น โดยเพิ่มชุดปฏิบัติการพิเศษใช้กำลังหน่วยอารักขาควบคุมฝูงชน จำนวน 12 ชุดปฏิบัติการ โดย 1 ชุด ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ 10 นาย โดยวางไว้ตามจุดสำคัญ ๆ เช่น สถานีรถไฟชานชลาต่าง ๆ และจุดสำคัญทางเข้าออก ประกอบกับการดำเนินการควบคู่จุดตรวจมั่นคง จำนวน 17 ด่าน โดยกระจายกำลังปิดเส้นทางเข้าออกทั้ง 4 จุด ทั้งทางด้านทิศเหนือ คือ ถนนสายเอเชีย ถนนพหลโย ด้านทิศใต้ คือ ถนนพระราม 2 ทางด้านถนนเพชรเกษม และทางด้านทิศตะวันออก คือ ถนนบางนา-ตราด
พ.ต.อ.ทรงพล กล่าวว่า นอกจากนี้ยังสั่งการไปยังสถานีตำรวน 68 สถานี โดยมีจุดตรวจละ 2 จุด
โดยมีทั้งหมดรวม 153 จุดตรวจ ครอบคลุมในพื้นที่ กทม. ซึ่ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษา ผบ.ตร. ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ของกองปราบปราม และตำรวจท่องเที่ยวมาเสริมการปฏิบัติงานด้วย ขณะเดียวกันยังคงปฏิบัติตามปกติของข้าราชการตำรวจในพื้นที่ของแต่ละสถานี โดยจะจัดกำลังไปดูแลสถานที่ราชการสำคัญ ทั้งบ้านพักบุคคลสำคัญ ศาล สถานทูต และพรรคการเมือง หรือสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของพรรคการเมือง ทั้งนี้ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยานนท์ ผบ.ชน. ได้เรียกประชุมผู้บังคับการ ผู้กำกับการ ในสังกัด บชน. เพื่อมากำชับจุดตรวจ จุดสกัด และสถานที่สำคัญ เพื่อเป็นการป้องกันก่อเหตุระเบิด หรือการก่อวินาศกรรม ตลอดจนการวางเพลิงเผาทรัพย์ ที่จะไปในลักษณะการก่อความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง “สำหรับเหตุการณ์ระเบิดที่พรรคภูมิใจไทย ขณะนี้เราได้ตัวผู้ต้องหา คือ นายอเนก สิงห์ขุนทด เป็นคน จ.นครราชสีมา และสืบสวนเบื้องต้น นายอเนก ได้ซัดทอดไปที่ นายกำพล คำคง ซึ่งเป็นคน จ.ชลบุรี ซึ่งทางตำรวจนครบาล ได้ประสานกับตำรวจภูธรภาค 2 ในการสืบสวนเบาะแสติดตามจับกุม ขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.สามเสน รวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาล และอย่างช้าในวันพรุ่งนี้ศาลคงออกอนุมัติหมายจับได้ ซึ่งจากการติดตามพบว่าขณะนี้ นายกำพล อยู่ที่บริเวณชายแดนในประเทศไทยใกล้กับประเทศกัมพูชา”พ.ต.อ.ทรงพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าการจับกุมนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. พ.ต.อ.ทรงพล กล่าวว่า จากการตรวจสอบด่านเข้าออกไม่พบ
ดังนั้น คงหลบหนีไปในเส้นทางที่เป็นเส้นทางเข้าออก ซึ่งอาจจะใช้การเดินป่าหรือเส้นทางลัดไปในประเทศเพื่อนบ้านก็ได้ ทั้งนี้ เราวางกำลังติดตามจับกุมทุกจุด และมอบหมายชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ชุดไหนติดตามผู้ต้องหาชื่ออะไร เมื่อถามว่า เหตุระเบิดใกล้พรรคภูมิใจไทยมองว่าเป็นฝีมือของแกนนำเสื้อแดงหรือไม่ พ.ต.อ.ทรงพล กล่าวว่า ถามว่าจะโยงการเมืองหรือไม่ เราต้องตั้งข้อสังเกตว่าเป้าหมายที่คนร้ายกระทำต่อใคร ซึ่งเป้าหมายคือพรรคภูมิใจไทย และจากการสืบสวนทางลับพบว่าผู้ต้องหามีส่วนเข้าร่วมการชุมนุม แต่เป็นระดับไหนยังไม่ทราบ เชื่อว่าไม่น่าจะใช่การกระทำของนายกำพลโดยลำพัง น่าจะมีผู้อยู่เบื้องหลังขึ้นอยู่หลักฐานขยายผลต่อไป ทั้งนี้ จากการสืบสวนไม่ปรากฏว่านายกำพลเกี่ยวข้องกับ เสธ.ทหารคนดัง
|