"สุเทพ"ซัดส.ส.พท.เล่นสองหน้า เช้าประชุมสภาค่ำขึ้นเวที บางส่วนสมคบพวกก่อการร้าย ทนอดสูปีนรั้วสภาหนี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงดึก เวลาประมาณ 22.10 น. วันที่ 31 พฤษภาคม หลังการใช้สิทธิพาดพิงชี้แจงของนายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับภาพถือปืนกลมือคุ้มกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯในวันที่กลุ่มเสื้อแดงบุกสภาจบ มีส.ส.เพื่อไทยหลายคนขอใช้สิทธิพาดพิง ที่ถูกนายชุมพลเอ่ยชื่อว่ามีส่วนรู้เห็นในการนำคนเสื้อแดงบุกสภา โดยนายสุนัย จุลพงศ์ธร ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย กล่าวปฏิเสธไม่ได้เป็นคนนำเสื้อแดงเข้ามาหานายกฯและนายสุเทพที่ห้องรับประทานอาหาร ซ้ำยังเป็นคนไปช่วยเจรจาให้กลุ่มเสื้อแดงกลับออกไปด้วยซ้ำ

 จากนั้นนายธานี เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ใช้สิทธิพาดพิงเล่าเหตุการณ์ ว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ในวันดังกล่าว โดยตนและนายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ไปเจรจากับนายเจ๋ง ดอกจิก แกนนำเสื้อแดงที่หน้าสภา และได้รับการยืนยันว่าอีก 15 นาทีเสื้อแดงจะถอยออกไป ตนก็รักนายสุเทพ อีกทั้งมีส.สงผู้ใหญอย่างนายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ไม่ค่อยสบาย ตนเป็นคนที่ออกมาขวางกลุ่มเสื้อแดงเอาไว้ ไม่ให้เข้าไปในห้องรับประทานอาหาร และบอกนายสุนัยว่า เข้าไม่ได้ ซึ่งความจริงแล้วจะว่านายสุนัยไม่ได้พากลุ่มเสื้อแดงมาก็ไม่ได้ เพราะนายสุนัยรู้จักแกนนำทุกคนดี และนายสุนัยก็นำแกนนำเสื้อแดงมาขอเข้าไปให้ห้องรับประทานอาหารจริง

ด้านนายสุเทพ ชี้แจงเสริม ว่า ประเด็นที่ นายไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทยอภิปรายอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ที่ระบุการจับกุมตามความผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วนำไปขังเรือนจำนั้น ต้องแยกแยะ แน่นอนว่าการจับกุมตามพ.ร.ก.ต้องควบคุมในสถานที่ที่ไม่ใช่เรือนจำหรือทัณฑสถาน แต่การจับกุมผู้เผาศาลากลาง เป็นความผิดอาญาฐานวางเพลิง ด้านประเด็นที่ระบุทหารยิงกันเองเสียชีวิตที่ถนนวิภาวดีนั้น จากรายงานของพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนนัท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ระบุตรวจสอบการเสียชีวิต พบวิถีกระสุนมาจากมุมสูงจากซ้ายไปขวา หัวกระสุนเล็กเรียว เป็นหัวกระสุนที่ใช้ในเชิงพาณัชย์ นอกจากนี้ยังพบรถจักรยานยนต์ที่ทหารขับมานั้นมีรูกระสุนจากซ้ายไปขวาเช่นกัน และน่าจะเป็นการยิงมาจากอาคารที่อยู่ติดกับปั๊มปตท.ไม่น่าจะมาจากทหารด้วยกัน ส่วนที่อ้างภาพทหารพลซุ่มยิงนั้น กองทัพบกยืนยันว่าเป็นปืนเอ็ม 16 ที่ติดกล้องเล็ง และมีปลายเก็บเสียงซึ่งตรวจสอบแล้วไม่มีในราชการของทั้งกองทัพบกและสตช. จึงขอทราบด้วยว่าถ่ายที่ไหนมาอย่างไร

"สุเทพ"แจงยึดหลักสากลแก้ปัญหาผู้ชุมนุม

นายสุเทพ ชี้แจงต่อว่า กรณีที่บอกว่าตนสั่งฆ่าประชาชน อย่าเชื่ออย่างนั้นเพราะเป็นบาปในใจเปล่า ๆ หากท่านเป็นตนก็คงไม่คิดเช่นนั้น ผู้ชุมนุมไม่เคยคิดเป็นศัตรู และนายกฯก็ให้นโยบายไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม แม้ตนเป็นผอ.ศอฉ. แต่ทำงานในรูปคณะกรรมการ ไม่ได้ตัดสินเพียงคนเดียว และต้องประชุมหาวิธีที่นุ่มนวลที่สุด แต่เมื่อเหตุการณ์บานปลายการชุมนุมไม่สงบ เราก็ยังปฏิบัติด้วยความนุ่มนวลเช่นเดิม เช่นหยุดการถ่ายทอดโทรทัศน์เสื้อแดง ใช้เครื่องขยายเสียงเจรจา ใช้น้ำฉีด ใช้แก๊สน้ำตา ที่สถานีไทยคม เป็นต้น จนเจ้าหน้าที่ยอมล่าถอยไม่ทำร้ายประชาชนทั้งที่เจ้าหน้าที่บาดเจ็บมากมาย

ส่วนเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. คือต้องการขอพื้นที่คืนเพราะผู้ชุมนุมตั้งเวทีสะพานผ่านฟ้าแต่ยึดพื้นที่สี่แยกคอกวัว ถึงหน้าสภา ชาวกทม.เดือดร้อนกันมาก เราส่งเจ้าหน้าที่ไปเจรจาขอพื้นที่คืน ซึ่งพวกท่านก็ไม่ยอมจึงใช้กำลังเข้าไปโดยใช้ตามหลักสากล โดยทหารเรียงเป็นตับ มีการถือโล่ มีรถน้ำ และปฏิบัติในเวลากลางวันและมีการดันกันไปกันมาไม่มีเหตุรุนแรงมีเพียงการขว้างแก๊สน้ำตามาเท่านั้น และคิดไม่ถึงว่าจะโดนประชาชนไล่ยิง ทหารกลับมาบอกตนว่าไปรบยังไม่เสียหายมากขนาดนี้และเป็นน้ำมือคนไทยที่ทำร้ายลูกหลานด้วยกันเอง

เราไม่ยอมให้โดนยิงทิ้งเหมือนก่อนคือโดนสไนเปอร์ จึงมีหน่วยป้องกันข้างบนดูแลระดับพื้นดิน ศอฉ.ออกคำสั่งว่าให้ปฏิบัติตามกฎการใช้อาวุธอย่างเคร่งครัดคือยิงใส่คนที่มีอาวุธเท่านั้นไม่ยิงประชาชนมือเปล่า หลัง10เม.ย.จำเป็นต้องใช้กระสุนจริงตามแนวทางที่ศอฉ.วางไว้และนับตั้งแต่ 10 เม.ย.มานั้นทุกเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ไม่ได้ถือปืนไปปราบประชาชนแต่ผู้ชุมนุมและผู้ก่อการร้ายบุกโจมตีเจ้าหน้าที่ทั้งสิ้น กรณีที่ราชประสงค์นั้นนายกฯ ,รัฐบาล,ศอฉ.ไม่เคยมีแผนสลายที่นั้น แผนที่กำหนดคือค่อย ๆใช้มาตรการกดดันให้เลิกชุมนุมเองคือปิดวงล้อม 4 ด้านไว้ห่าง ๆ ป้องกันแข็งขันไม่ให้คนเข้า จาก 5 หมื่นคนจึงลดลงตามลำดับทำให้ฝ่ายนิยมความรุนแรงใช้กำลังบุกด่านถาวรของเจ้าหน้าที่ ยอดผู้บาดเจ็บล้มตายที่นายไพจิตอ้างไว้นั้นขอเรียนว่าเริ่มปิดล้อม 13 - 18พ.ค.มีการบาดเจ็บ 303 ราย ตาย 38 ราย

โดยในนั้นมีคนต้องโทษคดีต่าง ๆ และมีคนต่างด้าวด้วย ด้านเจ้าหน้าที่ตาย 2 นาย บาดเจ็บ 9นายจึงนับว่าบาดเจ็บล้มตายมากที่สุด โดยกลุ่มผู้ชุมนุมบุกมาทำให้เจ้าหน้าที่ยิงป้องกันตัว นายกฯเเละตนไม่ใช่คนใจดำอำมหิต จะชอบนายกฯกับตนหรือไม่นั้นไม่ว่า แต่ควรให้ความเป็นธรรมโดยรับรู้ความจริงทุกด้านด้วย เพราะตนมาจากการเลือกตั้ง รักระบอบประชาธิปไตย

"ผมเป็นนักการเมืองผ่านการเลือกตั้งตามวิถีประชาธิปไตย รักประชาธิปไตยไม่แพ้หลายท่านที่นั่งในที่นี้ แต่หลายท่านในที่นี้ไม่ได้ต่อสู้ตามวิถีประชาธิปไตย ท่านเล่นสองด้าน เช้าประชุมสภา ค่ำก็ไปขึ้นเวที หรือบางคนก็ไปสมคบกับผู้ก่อการร้ายและมีการออกหมายจับไปแล้ว เพราะคนที่ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง จะปล่อยลอยนวลไม่ได้”นายสุเทพกล่าว