สำนักข่าวมุสลิมไทย ทั่วโลกจับตา มาเลย์ฟันธง มุสลิมติดเอดส์ไม่ควรแต่งงาน
www.muslimthai.com
กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย – หนังสือพิมพ์นิว สเตรท ไทมส์ รายงานโดยอ้างคำพูดของ มุฮัมมัด นิซาร์ ยามาลุดดีน ผู้นำคณะมนตรีแห่งรัฐเปรัค ซึ่งให้ความเห็นว่า ผู้ที่มีเชื้อ HIV แฝงอยู่ในร่างกายไม่ควรแต่งงาน เพราะจะเป็นการเสี่ยงที่จะมีบุตร ที่อาจจะติดเชื้อเอดส์จากมารดาทางของเหลวที่คัดหลั่ง เช่น เลือด ผู้ช่วยของเขาซึ่งเป็นสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน PAS เสริมด้วยว่า นิซาร์หมายรวมทั้งผู้ติดเชื้อที่เป็นมุสลิมและไม่ใช่มุสลิม

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ มีแถลงการณ์ออกโดย Department of Islamic Development Malaysia ระบุว่า ผู้ที่เป็นพาหะของเชื้อเอดส์ ยังคงได้รับอนุญาตให้แต่งงาน ลาสเมื่อสัปดาห์ก่อน รองประธานาธิบดีนายิบ ราซัค ออกมาพูดว่า คู่สมรสในประเทศมาเลเซียควรได้รับการตรวจเลือดหาเชื้อ HIV ก่อนที่จะแต่งงาน

ความขัดแย้งในเรื่องสิทธิของผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ โดยเฉพาะที่เป็นมุสลิม จะแต่งงานได้หรือไม่ เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ที่พรรคการเมืองเคร่งอิสลามในมาเลเซียกำลังถูกจับจ้อง

เมื่อเดือนก่อนนายกรัฐมนตรีบาดาวี ออกมาให้ความเห็นในเรื่องการฝึกโยคะ ซึ่งสวนทางกับคำสั่งห้าม ที่ก่อความไม่พอใจให้คนในหลายส่วนของประเทศ ยังมีกรณีที่ฝ่ายรัฐขู่จะไม่ต่อใบอนุญาตให้หนังสือพิมพ์แคธอลิค ซึ่งใช้คำว่า “อัลลอฮฺ” แทนการกล่าวถึงพระเจ้าในศาสนาคริสต์

รายงานทางการแพทย์ระบุผู้ติดเชื้อเอดส์ใหม่ในมาเลเซียเฉพาะปีนี้มี 3,452 คน ซึ่งลดลงกว่าปี 2003 ซึ่งมีจำนวน 6,756 คน อัตราสตรีที่ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ปกติ (แยกประเภทจากจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด) เพิ่มขึ้นจาก 5.02 % ในปี 1997 เป็น 16.3 % เมื่อปีที่ผ่านมา

ทางเว็บไซต์มุสลิมไทย ได้สอบถามยังนักวิชาการศาสนาบางท่าน ซึ่งท่านได้ให้ข้อคิดเห็นอย่างน่าสนใจว่า

การที่เราติดเอดส์ ไม่ว่าด้วยเห็นผลใดก็ตาม หากเราแต่งงาน ต้องถามว่า เราพูดความจริงกับคู่แต่งงานเราหรือไม่ โดยเฉพาะในประเทศไทย หากเราบอกความจริง ก็คิดว่าคู่แต่งงาน คงรับไม่ได้

ศาสนาอิสลาม สำหรับผู้ที่มีความสามารถที่จะแต่งงาน จะต้องรีบแต่งงาน เพราะการแต่งงานมีผลดีหลายประการด้วยกัน เช่น ป้องกันการเกิดซีนา (พฤติกรรมมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ได้แต่งงาน) และอื่นๆอีกมากมาย

แต่การแต่งงานแล้วทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ โดยเฉพาะ คนเป็นเอดส์จะแต่งกับคนไม่เป็น ซึ่งหากแต่งไป ปัญหาก็จะเกิดขึ้นอย่างมากมาย

ในกรณีที่เป็นเอดส์ด้วยกันทั้งคู่ ก็ต้องว่ากันด้วยเหตุและผล พิจารณาในเรื่องลูกที่อาจจะเกิดมาด้วย ว่าเป็นการสร้างตราบาปให้เค้าหรือป่าว

ดังนั้นคนเป็นเอดส์ ควรจะพิจารณาหลายๆ มุมมอง อย่ายึดเอาแต่ใจ มุสลิมทุกคนควร มองผลประโยชน์ของสังคมและคนรอบข้างเป็นสำคัญ แล้วค่อยกลับมามองประโยชย์ของตัวเรา