ประสิทธิภาพในการทำธุรกิจนั้นไม่ใช่ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยของเราแต่เพียงอย่างเดียว ยังมีสิ่งที่เหนือกว่า นั่นคือความสามารถในการทำธุรกิจ

ความสามารถที่ว่านี้ถึงแม้ว่าเรายังไม่มีก็ไม่ต้องกังวลใจ เพราะเราสามารถสร้างขึ้นได้ หากมีความตั้งใจจริงที่จะพัฒนาความสามารถของเราให้มากยิ่งขึ้น  ความสามารถที่ว่ามีอะไรบ้าง เรามาดูกัน

1. ตัดความกังวลใจเรื่องพรสวรรค์

คนบางคนให้ความสำคัญเรื่องพรสวรรค์ (ความสามารถบางอย่างที่มีมาแต่กำเนิด) อันที่จริงแล้วพรสวรรค์ที่เราเห็นอาจไม่มีจริงก็ได้ ซึ่งอาจเป็นพรแสวงที่เกิดจากการฝึกฝนในอดีตก็ได้

ดังนั้นเวลาที่เราเห็นใครทำอะไรได้ดี เราก็อย่าไปคิดว่าเพราะเขามีพรสวรรค์ ส่วนเราไม่มีคงสู้เขาไม่ได้ การคิดแบบนี้จะทำให้เราไม่สู้งานและเกิดความท้อแท้  ให้เราคิดเสียว่า เรื่องพรสวรรค์เป็นเรื่องเล็กน้อย มันสู้ความขยัน อดทน และความพยายามไม่ได้ 
จำเอาไว้ว่าหากเราอยากพัฒนาความสามารถจนประสบความสำเร็จ  ก็ให้เราตัดคำว่าพรสวรรค์ทิ้งไป เพราะเราสามารถที่จะใช้พรแสวงในการหาสิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้  เราต้องไม่ลืมว่า “อัลลอฮฺจะไม่เปลี่ยนแปลงใคร จนกว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวของเขาเอง”

2. บริหารคนให้ดี

ในการทำธุรกิจ ยิ่งเราเติบโตมากขึ้นเท่าไร ก็ย่อมจะมีจำนวนคนที่มาทำงานกับเรามากขึ้นเท่านั้น ซึ่งหากว่าเป็นคนที่ไว้ใจได้ก็ดีไป แต่เจ้าของกิจการบางคนนั้นไปสนใจที่การบริหารจัดการงาน  โดยลืมที่จะบริหารคน ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพาะเราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า มีคนจำนวนหนึ่งในบริวารของเรา ทำงานส่งๆหรือว่าทำงานให้พ้นไปวันๆ  และหากเราไม่อยู่หรือดูแลไม่ทั่วถึง เขาก็หย่อนยานและไม่ยอมทำงานเสียที

ทั้งหมดนี้คือปัญหาสำคัญของกิจการ เราจึงต้องใช้ทักษะในการจัดการคน โดยเลือกที่จะใช้คนให้เป็น และใช้อย่างถูกวิธี เพราะแต่ละคนบางทีก็ต้องใช้วิธีที่แตกต่างกันออกไป

3. ต้องรู้จักมองปัญหาให้แตก

การทำธุรกิจนั้น แน่นอนสิ่งที่จำเป็นต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ “ปัญหา” ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเจ้าของกิจการ ที่ต้องตามแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านั้น บางปัญหาก็แก้ไขได้โดยง่าย บางปัญหาก็แก้ยากเย็นแสนเข็ญ ซึ่งเราก็ต้องตรึกตรองหาวิธีแก้ไขให้รัดกุม

สิ่งสำคัญก็คือเราต้องมองมองปัญหาต่างๆได้อย่างแตกฉาน สามารถรู้ได้ว่า สิ่งไหนคือต้นเหตุและสิ่งไหนคือปลายเหตุ และเราต้องแก้ปัญหาจากจุดไหนก่อน

หากเราสามารถรู้และแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เราก็จะสามารถนำพากิจการของเราให้ไปไกลได้อย่างแน่นอน

4. จงกล้าที่จะเป็นนายตนเอง

หลายคนคงรู้สึกภูมิใจที่ได้แต่งตัวสวยงามไปทำงานในบริษัทอันหรูหรา เป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานเก้าโมงเช้ายันห้าโมงเย็น มีเงินเดือนสมกับวุฒิการศึกษาและมีประกันสังคมคอยให้ความคุ้มครองยามเจ็บไข้ แต่ต่อให้ทุกอย่างดูสวยงาม หรือพยายามบอกกับตนเองว่ามันสวยงาม แต่กระนั้นเราก็ยังได้ชื่อว่าเป็นลูกจ้างที่รอรับเงินเดือนจากผู้อื่นอยู่ดี

ต่างกับบางคนที่ไม่ได้แต่งตัวโก้หรู ไม่ได้ทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่ยืนขายข้าวแกงตามแผงเล็กๆริมบาทวิถี เขาอาจจะเคยเป็นลูกจ้างที่เคยทำงานในบริษัทดังกล่าวมาก่อนก็เป็นได้ แต่คนเหล่านั้นกล้าที่จะออกมาจากระบบ และสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยลำแข้งของตนเอง โดยใช้ความรู้ความสามารถ และความมั่นใจเป็นแรงผลักดัน เช่นเดียวกันกับเจ้าของบริษัทที่เขาเคยทำงานหรือนักธุรกิจชื่อดังหลายท่านก็มักเริ่มต้นมาจากธุรกิจเล็กๆที่ไม่มีใครเหลียวแลมาก่อนเสมอ

5. ตื่นตัวอยู่ตลอด

นอกเหนือจากความกล้าในการเริ่มต้นหรือลงทุนแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเป็นผู้ตื่นตัวอยู่เสมอ และมองหาช่องทางในการทำธุรกิจเชิงสร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลา โดยดูจากปัจจัยแวดล้อม เช่น การตลาด สภาพเศรษฐกิจ และความสนใจของผู้คนในสังคมเป็นตัวตั้ง

หรือหากมีการคำนวณมามากพอและมองเห็นช่องทางที่ยังว่างอยู่ที่เราจะสามารถทำธุรกิจนั้นๆได้ ก็จงรีบแย่งชิงพื้นที่ที่จะนำเสนอจุดขายก่อนใคร เพื่อสร้างภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของสินค้าและบริการเหล่านั้น อันจะเป็นผลดีต่อการทำกำไรและการได้รับการจดจำไปในระยะยาว

โดย อ.อัชอารีย์ เรืองปราชญ์ ที่มา นิตยสารริสกี [email protected]