เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ก.พ.ที่ กองปราบปราม นายวาสรี บูเก๊ะเจ๊ะลี อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/2 หมู่ 1 ต.เคียนซา อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับมอบอำนาจจากนายรอมลี บือโต อายุ 46 ปี เจ้าของโรงพิมพ์สลาตันการพิมพ์ ตั้งอยู่เลขที่ 773 ถนนสิโรรส ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา เข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.ภัชร์ชาพล ภูริโภไคย พงส.(สบ 2 ) กก.1 บก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายดิเรก สุมาลยศักดิ์ ในข้อหาปลอมแปลงเอกสารและฉ้อโกง จากการสอบสวนนายวาสรี ให้การว่าเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ปี 52 นายดิเรก ซึ่งเป็นลูกชายของนายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ จุฬาราชมนตรี อ้างเป็นผู้ช่วยเลขานุการจุฬาราชมนตรี ได้รับมอบอำนาจจากจุฬาราชมนตรี สำนักจุฬาราชมนตรี มาติดต่อว่าจ้างให้พิมพ์คำภีร์อัลกรุอ่าน ฉบับแปลเป็นสามภาษา คือภาษาไทย อาหรับและมลายู ตามโครงการของสำนักนายกรัฐมนตรี ที่จะนำไปแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หน่วยงานต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจต่อศาสนาอิสลาม โดยจำนวนที่พิมพ์ทั้งหมด 1.5 แสนเล่ม เป็นเงินค่าใช้จ่าย 300 ล้านบาท ตกลงเซ็นสัญญากำหนดระยะเวลาทำงาน 3 เดือน นอกจากนี้ตนยังต้องจ่ายค่าทำสัญญาค้ำประกันไปอีก 3 ล้านบาทด้วย นายวาสรี ให้การต่อว่าเมื่อทำสัญญาเสร็จแล้ว ตนเตรียมติดต่อโรงพิมพ์ สั่งซื้อกระดาษ เครื่องจักร แท่นพิมพ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการพิมพ์ ต้องจ่ายเงินล่วงหน้าทั้งหมด 27 ล้านบาท หลังจากดำเนินการไปได้ 15 เปอร์เซ็นต์ ก็ขอยืดเวลาการส่งคัมภร์ไปเป็น 8 เดือน นายดิเรกก็ยินยอม แต่ขอก่อนจำนวน 1 หมื่น ระหว่างนี้เริ่มเห็นผิดสังเกต เมื่อไปสอบถามกับคณะทำงาน ก็ไม่มีใครรู้เรื่อง โดยการพิมพ์คัมภีร์ 1หมื่นเล่ม ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการพิมพ์อีก 14 ล้านบาท จึงขอเบิกเงินบางส่วน แต่นายดิเรกบอกมาว่าต้องรอส่งมอบให้ครบก่อน จึงจะสามารถเบิกเงินได้ ก็เลยไปตรวจสอบประวัติของนายดิเรก จึงทราบว่าไม่ได้มีตำแหน่งใดๆในสำนัจุฬาราชมนตรี เอกสารการมอบอำนาจก็อาจทำขึ้นมาเอง จึงเข้ามาแจ้งความดังกล่าว เบื้องต้นผู้เสียหายมีเอกสารบางส่วนมายังไม่ครบ เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังสำนักจุฬาราชมนตรีเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกรณีดัง กล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงเป็นผู้รับสายซึ่งแจ้งว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ต้องสอบถามจากผู้ใหญ่ แต่เมื่อถามไปว่าจะสอบถามข้อเท็จจริงจากผู้ใหญ่คนไหนและจะติดต่อได้ทางใด บ้างก็ได้รับคำตอบว่า ไม่มีใครอยู่สำนักงานขอให้ติดต่อมาใหม่อีกครั้ง อย่างไรก็ดี นายดิเรก ซึ่งถูกพาดพิงในครั้งนี้ กล่าวยืนยันว่า ตนเป็นบุตรชายของสวาสดิ์ และมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเลขานุการจุฬาราชมนตรี ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหานั้น ตนได้รับมอบอำนาจจากสำนักจุฬาราชมนตรีเพื่อให้เป็นผู้ดำเนินการโครงการเผย แพร่คัมภีร์อัลกุรอานดังกล่าวจริง โดยเสนอโครงการไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติงบประมาณในการดำเนินการ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่งเรื่องกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ระหว่างนั้นทางโรงพิมพ์แห่งนี้ก็เป็นผู้เข้ามาติดต่อตนเพื่อขอโอกาสในการ พิมพ์ซึ่งตนก็ปฏิเสธไปเพราะการพิจารณายังไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งต้นฉบับก็ยังไม่ได้รับการรับรองจากจุฬาราชมนตรี ซึ่งตนยืนยันว่าดำเนินการถูกต้องทุกอย่างจึงเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นความ เข้าใจผิด และกำลังปรึกษาทนายความเพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับคู่กรณีต่อไป |