Tallinn หลังจากถูกกดขี่มาเป็นเวลานานภายใต้การปกครองแบบคอมมิวนิสต์ มุสลิมในเอสโตเนียเริ่มสามารถปฏิบัติศาสนกิจ และชุมนุมกันอย่างเปิดเผยในวันสำคัญและงานฉลองต่างๆ ลิยา อิมาน มัคมูโตวา ผู้อำนวยการฝ่ายหญิง ของสมาคมอิสลามแห่งเอสโตเนียกล่าวว่า ไม่มีการควบคุมบังคับในการเฉลิมฉลองทางศาสนาอีกต่อไป เธอเล่าว่าคุตบะฮฺวันอีด แสดงเป็น 4 ภาษา ได้แก่ ภาษารัสเซีย เอสโตเนีย อาหรับ และตาต้าร์ ซึ่งมุสตีอิลด้า มุฮัมเม็ดซิน กล่าวว่า เป็นสิ่งที่น่ายินดีที่ชนชาติต่างๆ ที่มารวมกันที่นี่ จะได้เข้าใจ และซาบซึ้งในเนื้อหาของคุตบะฮฺในภาษาของตนเอง รายละเอียดของวันรื่นเริงทางศาสนาอิสลามในประเทศต่างๆ อาจจะฟังดูธรรมดา หรือเหมือนๆ กัน แต่สำหรับมุสลิมที่นี่ ซึ่งอยู่ภายใต้ลัทธิคอมมิวนิสต์มานาน จะมีความลึกซึ้งยิ่งกว่า โดยตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา พวกเขาต้องฉลองวันอีดกันในบ้าน หรือไปที่สุสานเพื่อขอดุอาอฺ รวมทั้งฉลองกันอย่างลับๆ ในเอสโตเนียมีมุสลิมประมาณ 8,000 คน คิดเป็นร้อยละ 1 ของประชากรทั้งประเทศ 1.2 ล้านคน ส่วนมากเป็นมุสลิมซุนนีที่สืบเชื้อสายมาจากพวกตาต้าร์ และกลุ่มชีอะฮฺ อาเซอรี โดยมีบรรพบุรุษอพยพเข้ามายังเอสโตเนีย หลังจากแคว้นลิโวเนีย และเอสโตเนียเข้ารวมกับสหภาพโซเวียตรัสเซียในปี 1721 เอสโตเนียซึ่งอยู่ในเขตยุโรปตอนเหนือแยกตัวออกเป็นอิสระในปี 1991 และเข้าร่วมในสหภาพยุโรปในปี 2004 มุฟตีมัคมูโตว่า เสริมว่า หลังจากพิธีทางศาสนาเสร็จสิ้นลง มีการเลี้ยงน้ำชาและของว่างแก่ผู้มานมาซวันอีด ก่อนที่จะไปเชือดกุรบ่าน เนื่องจากหลายคนที่มานมาซเป็นผู้ที่เพิ่งรับศาสนาอิสลามใหม่ และบุคคลเหล่านี้ไม่มีญาติพี่-น้องที่จะร่วมเฉลิมฉลองด้วยกันเหมือนคนอื่นๆ วันที่ 2 ของช่วงอีดิ้ลอัฎฮา จะเป็นวันเฉลิมฉลองของมุสลิมที่นี่ หลายครอบครัวฉลองกันกลางแจ้ง โดยเช่าที่พักในป่า และจัดการแข่งขันเกมส์พร้อมย่างบาบีคิว แต่ละครอบครัวอาจทำอาหารมาร่วมแบ่งปันกัน มุฟตีมุฮัมเม็ดซินกล่าวว่า การจัดงานร่วมกันเช่นนี้เพิ่มความเข้มแข็งในความสัมพันธ์ระหว่างมุสสิมในเอสโตเนีย รวมทั้งทำให้เด็กๆ ได้รู้จักสนิทสนมกัน ในบรรดาญาติพี่-น้องที่อยู่ห่างไกล และเพื่อนบ้าน Source: ialamonline.net |