เมื่อวันพฤหัสบดี (29/10) ที่ผ่านมา กลุ่มสิทธิมนุษยชนในบันดา อาเจะ ประท้วงกรณีที่ผู้ปกครองตำบลทางตะวันตกของอาเจะ จะห้ามผู้หญิงสวมกางเกงฟิต โดยกล่าวว่าเป็นการละเมิดสิทธิสตรี อีวี่ เซน ผู้นำการประท้วงซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มพันธมิตร เอ็นจีโอ.ในอาเจะ กล่าวว่า การสั่งห้ามดังกล่าวเป็นความคิดที่ล้าหลัง แปลกประหลาด และว่าจะเป็นอุปสรรคขัดขวางการที่ผู้หญิงจะร่วมทำกิจกรรมในการพัฒนาท้องถิ่น รอมลี มันซูรฺ กล่าวว่า ฝ่ายปกครองท้องถิ่นได้สั่งกระโปรงขนาดต่างๆ 7,000 ตัวจากจาการ์ต้า เตรียมพร้อมสำหรับแจกให้กับผู้หญิงที่ถูกจับเพราะสวมกางเกงฟิต เนื่องจากกางเกงของเธอจะถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ เป็นการลงโทษ กฎใหม่ดังกล่าวออกโดยความเห็นชอบของอุละมาอฺท้องถิ่น ซึ่งเรียกร้องให้เขตอาเจะใช้กฎหมายชาริอะฮฺให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ รอมลีกล่าวว่า เคยมีกรณีที่กางเกงรัดรูปที่ผู้หญิงสวมถูกตัดออกเป็นชิ้นต่อหน้าผู้คนที่มุงดู และอีกกรณีหนึ่ง ผู้หญิงที่ไม่คลุมผมโดนกล้อนผมจนหมดหัว  ตำรวจด้านชารีอะห์พูดคุยกับหนุ่มสาวคู่หนึ่ง เกี่ยวกับกฏหมายชารีอะห์ที่จะบังคับใช้เร็วๆนี้
อย่างไรก็ตาม สมาคมนักศึกษามุสลิมในอินโดนีเซีย สนับสนุนการใช้ข้อบังคับใหม่นี้ ซินตา นาลีซะ ประธานสมาคม ฯ สาขาอาเจะกล่าวว่า ผู้นำศาสนาเป็นผู้นำสิ่งที่ศาสนาบัญญัติมาบังคับใช้ ดังนั้นจึงต้องเชื่อฟัง แต่กามาวัน เฟาซี รัฐมนตรีกิจการภายใน เรียกร้องไม่ให้เขตอื่นๆ เลียนแบบข้อบังคับใหม่นี้ โดยกล่าวว่า แต่ละเขตควรพิจารณาเองเพื่อความเหมาะสม โดยอ้างว่ากฎหมายเดิมไม่ได้ห้ามสวมกางเกง เพียงแต่ระบุให้ปิดเอาเราะฮฺเท่านั้น และกรณีที่เกิดขึ้นนี้ต้องได้รับการพิจารณาร่วมกันในระดับภูมิภาคต่อไป นะฮฺดลาตุ้ล อุละมาอฺ ซึ่งเป็นองค์กรศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย แสดงความไม่เห็นด้วยในการห้ามนี้ โดย ซาอิด อากิ้ล ซิราดจ์ ผู้นำองค์กรกล่าวว่า เป็นข้อบังคับรุนแรงที่ต่อต้านจิตวิญญาณแห่งอิสลาม เนื่องจากอิสลามไม่ได้ทำให้เป็นเรื่องยากในการดำเนินชีวิต และไม่ได้มุ่งในประเด็นเรื่องหยุมหยิมเล็กๆ น้อยๆ ดังนั้นการที่จะสวมกางเกงยีนส์ หรือชุดประจำชาติ ก็ควรขึ้นอยู่กับการเลือกสรรของผู้สวม เพื่อแสดงถึงเสรีภาพส่วนบุคคล ตราบเท่าที่ไม่เปิดเผยเอาเราะฮฺ ดังนั้น หากเป็นเรื่องที่นอกเหนือจากข้อบังคับตามรุก่นศาสนาแล้ว รัฐบาล และสภาที่ปรึกษาควรรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และปกครองตามที่ประชาชนต้องการ |