WASHINGTON (AFP) - Water particles have been detected on the surface of the Moon by three missions, including an Indian probe. The evidence, disclosed in new scientific papers, overturns the long accepted view that lunar soil is dry and comes just two weeks before a NASA probe is to crash into the surface near the Moon's southern pole to see if water can be detected in the dust and debris released by the impact. วอชิงตัน ยานสำรวจดวงจันทร์จาก 3 แห่ง ค้นพบร่องรอยของแหล่งน้ำบนพื้นผิวดวงจันทร์ มีรายงานทางวิชาการเปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งพลิกโฉมข้อสันนิษฐานที่ได้รับการรับรองมาเป็นเวลานานว่า พื้นผิวบนดวงจันทร์แห้งแล้ง โดยนาซ่าได้สำรวจพื้นผิว หลังจากมีการปะทะใกล้ขั้วด้านใต้ของดวงจันทร์ และได้นำฝุ่น และเศษซากจากรอยปะทะมาพิสูจน์ โดยใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า Moon Mineralogy Mapper หรือ M3 ซึ่งใช้การสะท้อนของแสงอาทิตย์ เพื่อหาส่วนประกอบแร่ธาตุในพื้นดิน หนึ่งในรายงาน 3 ฉบับตีพิมพ์ล่าสุดในวารสารวิทยาศาสตร์ระบุว่า นักสำรวจวิเคราะห์ว่า เครื่องมือ M3 ที่ติดตั้งในดาวเทียม จันทรายาน1ของอินเดียสามารถจับคลื่นรังสีส่วนประกอบของธาตุที่รวมกันเป็นน้ำได้ ได้แก่ อ๊อกซีเจน กับไฮโดรเจน ซึ่งหมายถึงว่าบนพื้นผิวของดวงจันทร์น่าจะมีน้ำ จนถึงขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ก้าวล่วงไปถึงทฤษฎีที่ว่า ในก้นแอ่งที่เป็นขั้วด้านมืดของดวงจันทร์มีน้ำแข็งปรากฏอยู่ แต่พื้นผิวในส่วนอื่นนั้นแห้งแล้ง หินและดินจากดวงจันทร์มีออกซิเจนประมาณ 45 เปอร์เซ็นต์ แต่แหล่งที่มาของไฮโดรเจนยังต้องตรวจวิเคราะห์กันอีก อีก 2 รายงาน ที่ใช้เครื่อง M3 สำรวจพบร่องรอยของธาตุที่ประกอบกันเป็นน้ำ ได้แก่รายงานจากยาน Cassini ของอเมริกา ซึ่งโคจรผ่านใกล้ดวงจันทร์เมื่อ 10 ปีก่อน เพื่อไปยังดาวเสาร์ และ Deep Impact ของอเมริกาเช่นกัน ซึ่งยิงตรงไปยังดาวหาง Tempel-1 ในปี 2005 เพื่อเก็บฝุ่นละอองมาวิเคราะห์ ตัวอย่างหินจากดวงจันทร์ชุดแรก ที่นำกลับมาโดยนักบินอวกาศยานอพอลโลในปี 1960 ก็พิสูจน์พบส่วนประกอบของน้ำเช่นกัน แต่ในตอนนั้นการบรรจุหินในสิ่งที่ไม่รัดกุม ทำให้นักสำรวจคิดว่าเป็นธาตุที่ปนเปื้อนจากอากาศ หลังจากที่มาถึงโลกมนุษย์แล้ว |