CAIRO —  For Mohamed-Ali Bouharb, the soul-searching journey of hajj he plans to embark on this year will be exceptional, since the Muslim soldier will be traveling all the way to the holy sites on a special trip provided by the army of the secular European country.

"The army is always in advance of society," a jubilant Captain Bouharb told the Globe & Mail on Tuesday, September 15.

ไคโร – ปีนี้กระทรวงกลาโหมฝรั่งเศสจัดเครื่องบินพิเศษ บริการทหารที่จะไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยไม่ต้องไปขึ้นเครื่องบินโดยสารพาณิชย์ รวมกับผู้โดยสารพลเรือนทั่วๆ ไป รวมทั้งดำเนินการจัดหาที่พักในระหว่างประกอบพิธีฮัจญ์ให้ด้วย

นับเป็นครั้งแรกที่เป็นการสนับสนุน และจัดอำนวยความสะดวกแก่ทหารมุสลิม โดยก่อนหน้านี้กองทัพบกฝรั่งเศสซึ่งผูกพันมาช้านานกับโบสถ์แคธอลิค เป็นสปอนเซ่อร์ให้ทหารชาวคริสต์ ไปเยือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางคริสตศาสนาที่เมือง Lourdes ทุกปี

ทหารและเจ้าหน้าที่ที่ประสงค์ร่วมโครงการฮัจญ์ จะเสียค่าใช้จ่ายเพียง 3,000 ยูโร ซึ่งถูกกว่าที่บริษัททัวร์จัด นอกจากนั้นยังมีการติดต่อกันในระดับรัฐบาล ระหว่างกระทรวงกลาโหมทั้ง 2 ประเทศ โดยทางซาอุดี้จะจัดที่พักและไกด์ให้พร้อมสรรพ

ร้อยเอก Mohamed-Ali Bouharb

ร้อยเอก Mohamed-Ali Bouharb กล่าวว่า บรรดาทหารที่มีโครงการจะไปฮัจญ์ปีนี้ รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะได้รับความสะดวกนานาประการแล้ว ยังมีความปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์

นับเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่กระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลฝรั่งเศส จัดโครงการที่สนับสนุนมุสลิม ทั้งๆ ที่ความขัดแย้งในเรื่องต่างๆ มีให้เห็นทวีขึ้นเป็นลำดับในภาคพลเรือน แต่อย่างไรก็ดี มุสลิมที่อยู่ในหน่วยทหาร ก็ไม่ได้รับการปฏิบัติเทียบเท่าศาสนิกอื่น อาทิ กระทรวงกลาโหมเพิ่งอนุมัติให้มีอนุศาสนาจารย์มุสลิมในกองทัพในปี 2005 ในขณะที่ของแคธอลิค โปรแทสแท้นท์ และยิวมีมานานมากแล้ว

ความเป็นอยู่ในกองทัพก็เพิ่งดีขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ โดยสมัยก่อนไม่มีการอำนวยความสะดวกในการถือศีลอด และทหารมุสลิมต้องกินอาหารเหมือนกับทุกๆ คน ไม่ว่าจะมีหมูหรือไม่ ซึ่งทำให้เกิดความกดดันในหมู่ทหารมุสลิมอย่างมาก

ปัจจุบันรัฐบาลจัดโครงการอบรมอนุศาสนาจารย์มุสลิมประจำกองทัพ เพื่อให้เข้าใจในประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของฝรั่งเศส โดยปีที่แล้วส่งอิหม่ามไปอบรม 2 คน และปีนี้มีโครงการส่งไป 6 คน Bouharb อิหม่ามวัย 32 ซึ่งจบการอบรมจากโครงการนี้กล่าวว่า โครงการนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะทำให้เขารู้สึกว่าฝรั่งเศสเป็นประเทศบ้านเกิด ถึงแม้รุ่นพ่อ-แม่จะเป็นผู้อพยพก็ตาม