สำนักข่าวมุสลิมไทย ปริศนา บินลาดิน (3/3): ทำไมชาวมุสลิมจำนวนมากจึงรู้สึกร่วมกับบินลาดิน

โดย ดร.จรัญ มะลูลีม

ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐทิ้งระเบิดในประเทศต่างๆ มาแล้วถึง 20 ประเทศ  ปฏิบัติการของประเทศตะวันตกจึงรุนแรงกว่าขบวนการอิสลามทั้งหลายที่ต่อต้านการแสวงหาประโยชน์ของตะวันตก นี่คือสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น

ทำไมชาวมุสลิมจำนวนมากจึงรู้สึกร่วมกับบินลาดิน

      ที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์ที่ชาวมุสลิมไม่พอใจ และรู้สึกร่วมกับขบวนการต่อต้านตะวันตก เพราะรู้ว่า โลกของมุสลิมซึ่งเคยอยู่อย่างสงบ เวลาตะวันตกเข้าไปแล้วมันสูญเสียหลายอย่าง การตักตวงผลประโยชน์ การอ้างประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ตลาดเสรี แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะประเทศใดก็แล้วแต่ที่ให้ผลประโยชน์ เช่นซาอุดีอาระเบีย ที่ไม่มีพรรคการเมืองไม่มีอะไรที่เป็นไปตามแนวประชาธิปไตยแบบตะวันตก   แต่สหรัฐชอบเพราะซื้ออาวุธโดยไม่ต้องผ่านฝ่ายค้านเป็นต้น แต่ขบวนการที่เขาต่อสู้เพื่อสันติภาพ เช่น กรณีฮามาส ฮิซบุลลอฮ์ เวลาเขาได้อำนาจมาผ่านระบอบประชาธิปไตย ตะวันตกก็ไม่ยอมรับ เพราะว่าต้องเป็นประเทศที่ตัวเองชอบด้วยและได้ผลประโยชน์ด้วยจึงจะเป็นที่พอใจ

     กรณีของบินลาดิน ก็คือว่า แต่เดิมมีผลประโยชน์ร่วมกัน

- ประการแรก การเข้าไปต่อสู้ในอัฟกานิสถาน สหรัฐต้องการต่อต้านคอมมิวนิสต์ ส่วนคนมุสลิมที่นับถือศาสนาอิสลามก็ไม่ต้องการให้คอมมิวนิสต์ เข้ามาในประเทศตัวเอง เพราะอิสลามเชื่อในโลกหน้า เชื่อในพระเจ้า โลกนี้ไม่ได้จบแค่ความตายอย่างที่คอมมิวนิสต์เชื่อ ขณะนั้นจึงมีเป้าหมายร่วมกัน ต่างคนต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันก็เลยร่วมรบกันได้ ตอนนั้นสหรัฐไม่เคยต่อว่าบินลาดินเลย ว่าบินลาดิน เลยว่าทำไมต้องเกณฑ์คนมาจาก 40 ประเทศ มาช่วยรบกับโซเวียตในอัฟกานิสถาน ซึ่งผลของการสู้รบก็เป็นชัยชนะของฝ่ายมุญาฮิดีน

     แต่หลังจากมุญาฮิดีน ไม่สามารถรวมตัวกันได้ ก็เกิดกองกำลังฏอลิบานขึ้นมา จากการที่ฝ่ายมุญาฮิดีน 8 กลุ่มต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงกันปกครอง  ทั้งที่เคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา มีกลุ่มหนึ่งที่เคยไปเรียนในปากีสถาน ตั้งชื่อกลุ่มขึ้นมาชื่อฏอลิบาน ซึ่งหมายถึงนักเรียนนักศึกษา กระทั่งสถาปนาตัวเองเป็นรัฐบาลฏอลิบานได้

     แต่ในตอนนั้นคือก่อนที่จะเกิดเหตุ 9/11 ก็ยังไม่มีอะไรเท่าไหร่   บินลาดินก็อยู่ในอัฟกานิสถานและแต่งงานกับลูกของผู้นำฏอลิบาน 1 คน ก็เลยนำไปสู่ความผูกพัน เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ สหรัฐ ก็ต้องการเอาบินลาดินออกมา เพราะรู้ว่าอยู่เบื้องหลัง แต่ว่ารัฐบาลฏอลิบานไม่ยอม ซึ่งกรณีของอัฟกานิสถาน มีเหตุเชื่อมโยง ขณะที่กรณีอิรักไม่มีเหตุเชื่อมโยงและอ้างเพียงว่า อิรักมีอาวุธร้ายแรงจึงต้องเข้ามาจัดการกับรัฐบาลอิรัก

    ในเวลาเดียวกับตอนที่มีการปฏิวัติอิสลามใหม่ๆ สหรัฐสูญเสียผลประโยชน์ ก็ส่งเสริมคนให้ไปโค่นอิมามโคมัยนี อดีตผู้นำอิหร่านด้วยวิธีการต่างๆ  แต่ไม่สำเร็จ ในขณะที่อิมามโคมัยนีในเวลานั้นก็ปฏิวัติส่งออกด้วย จึงกระทบกระเทือนตะวันออกกลางโดยเฉพาะรัฐกษัตริย์ที่ร่ำรวยทั้งหลาย   ในที่สุดซัดดัมจึงรวมตัวกับสหรัฐทำสงครามกับอิมามโคมัยนีเป็นสงคราม 8 ปีที่คนตายไปล้านคนเป็นฝ่ายทหารฝ่ายละ 3 แสนคนที่เหลือเป็นพลเรือน  แต่ผลปรากฏว่าโค่นอิมามโคมัยนีไม่ลง   ประธานาธิบดีซัดดัมก็เลยหาวิธีการอื่นๆ เพื่อให้ประเทศอยู่ได้เพราะเป็นหนี้สินอยู่มากตอนหลังจึงไปอ้างว่า คูเวตเป็นประเทศเดียวกับตัวเองที่เคยเป็นดินแดนเดียวกันในสมัยออตโตมาน  ก็เลยรุกรานคูเวตโดยสหรัฐเข้าช่วยเหลือคูเวต  เหตุการณ์โลกมันเปลี่ยน หลังจากนั้นซัดดัม ฮุสเซนก็ไม่พอใจสหรัฐและพันธมิตร  สหรัฐเปลี่ยนไปช่วยคูเวต ทั้งๆ ที่ April Glaspi ไฟเขียวให้กองทัพอิรักบุกคูเวตได้เพราะเป็นเรื่องของอาหรับด้วยกัน  คำพูดนี้มีขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้กองทัพขนาดใหญ่ของสหรัฐเข้ามามีบทบาทในอ่าวเปอร์เซียและนำไปสู่ความวุ่นวายไม่จบสิ้นในตะวันออกกลางจนถึงทุกวันนี้  นี่คือจุดหักเห

     ส่วนบินลาดิน ก็มีจุดหักเหเหมือนกัน คือไม่พอใจกองทัพสหรัฐที่เข้าไปในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ อย่างเช่น ซาอุดีอาระเบียบ้านเกิดของเขาเอง ซึ่งบินลาดินขอร้องสหรัฐ ไม่สำเร็จ  ก็เลยเปลี่ยนอุดมการณ์จากเคยทำงานกับสหรัฐ กลายเป็นฝ่ายต่อต้านสหรัฐไปในที่สุด

     ความรุนแรงในอนาคต
 ขบวนการก่อการร้ายมันพัฒนาตลอดเวลาทุกกลุ่ม ซึ่งไม่เฉพาะแต่โลกมุสลิม แต่มีกลุ่มอื่นหลายกลุ่ม ขณะที่ระยะหลังปรากฎว่า ผลประโยชน์ของน้ำมัน เป็นผลประโยชน์สำคัญในการเข้าไปประเทศต่างๆ จะเห็นได้ว่าเวลาเกิดความรุนแรงในบางแห่ง เช่นในบอสเนียก็จะพบว่ามีความล่าช้ากว่ากองกำลังหลังหรือหน่วยงานระหว่างประเทศจะเข้าไปช่วย  แต่กรณีของคูเวต เข้าไปเร็วเพราะผลประโยชน์ด้านน้ำมันสูง และผลประโยชน์ของสหรัฐในตะวันออกกลางมีอยู่มาก  กับบริษัทน้ำมันและในเรื่องอื่นๆ ทุกอย่าง

     ถ้าจะพูดจริงๆ ขณะนี้  รัฐบาลส่วนใหญ่ ที่ร่ำรวยน้ำมัน อาศัยความมั่นคงของสหรัฐ ในการดูแลเรื่องความมั่นคง ฉะนั้น สหรัฐจึงเข้าไปมีฐานทัพในประเทศเหล่านี้เกือบทั้งหมด ในเวลาเดียวกัน ประชาชนในประเทศ อาจจะต่อต้านสหรัฐ อันนี้หมายถึงขบวนการอิสลามด้วย

     ขบวนการอิสลามถือกำเนิดขึ้นเมื่อลัทธิปกครองต่างๆ ที่นำเอามาใช้ไม่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้  จึงหันไปใช้ “อิสลามการเมือง” เพราะชื่ออิสลาม สามารถเอาไปใช้ปลุกเร้าคนได้ ให้เห็นอิทธิพลของตะวันตก

    โดยเฉพาะการที่สหรัฐ นำทหารราว 40,000 นายเข้าไปในประเทศซาอุดีอาระเบีย แม้ว่าปัจจุบันจะเหลือแค่ 400 คน  เพราะทนต่อการถูกก่อวินาศกรรมในซาอุดีอาระเบียไม่ไหว  การเข้าไปก้าวก่ายกับประเทศมุสลิมหลายประเทศ ทำให้หลายกลุ่มหลายองค์กรไม่พอใจ แล้วก็ระเบิดออก หนึ่งในนั้นก็คืออัล-กออิดะฮ์ ซึ่งรู้เช่นเห็นชาติชาติตะวันตกดี ฉะนั้น คนที่เคยเป็นวีระบุรุษของตะวันตกก็กลายเป็นปีศาจของตะวันตกไปในที่สุด

   เมื่อโลกมุสลิมถูกโยงกับการก่อการร้าย

    การก่อการร้าย ไม่มีศาสนา ในทัศนะของอิสลาม ใครที่รักความรุนแรงและความสุดโต่งไม่ใช่สานุศิษย์ของอิสลาม ฉะนั้นเรื่องนี้อิสลามต่อต้านอยู่แล้ว การสร้างความรุนแรงในนามของศาสนานั้นเป็นสิ่งต้องห้าม   แต่ขณะเดียวกัน อิสลามก็สอนเหมือนกันว่า หากใครรุกรานเอารัดเอาเปรียบให้ลุกขึ้นสู้ กรณีแบบนี้ทำได้

    การตอบโต้ขององค์การต่างๆ ต่อสหรัฐและตะวันตกก็มาจากบทเรียนที่ว่าวิธีการที่สหรัฐเข้าไปจัดการกับความขัดแย้ง หรือเข้าไปสร้างความยุ่งยากให้กับประเทศอื่นนั้น สหรัฐก็ใช้ความรุนแรงมาตลอด ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐทิ้งระเบิดในประเทศต่างๆ มาแล้วถึง 20 ประเทศ  ปฏิบัติการของประเทศตะวันตกจึงรุนแรงกว่าขบวนการอิสลามทั้งหลายที่ต่อต้านการแสวงหาประโยชน์ของตะวันตก นี่คือสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น - www.muslimthai.com

ปริศนา บินลาดิน (1/3) : อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อบินลาดินถูกสังหาร  
ปริศนา บินลาดิน (2/3) : อุดมการณ์ของบินลาดินมาถึงภาคใต้ตอนล่างหรือไม่ 
ปริศนา บินลาดิน (3/3): ทำไมชาวมุสลิมจำนวนมากจึงรู้สึกร่วมกับบินลาดิน