สำนักข่าวมุสลิมไทย ยิวคลั่งดาราฟุตบอลบริจาคอวัยวะตามนักเตะชาวอิสราเอล
 เขตยึดครองเยรูซาเล็ม – หลังการประกาศสภาวะสมองตายของ Avi Cohen นักฟุตบอลชาวอิสราเอล เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา จำนวนผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะในอิสราเอลพุ่งสูงขึ้น จนทำให้ผู้นำศาสนายิวออกมาถกเถียงกันในเรื่องนี้
โคเฮน ผู้เล่นกองหลังของทีมลิเวอร์พูล ประสบอุบัติเหตุจากการชนกันของรถมอเตอร์ไซค์ในเดือนธันวาคม โดยศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก และแพทย์ประกาศว่าเขาอยู่ในสภาวะสมองตาย แต่ยังหายใจได้เพราะสวมเครื่องช่วย
โคเฮน ได้เซ็นใบยินยอมบริจาคอวัยวะไว้ แต่ครอบครัวของเขาไม่อนุญาตให้ดำเนินการ โดยหนังสือพิมพ์กระพือข่าวว่าผู้นำศาสนาได้เข้ามาแทรกแซง และขอให้ครอบครัวระงับการบริจาค แต่ภรรยาของโคเฮนกล่าวว่า เธอเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องนี้เอง
แรบไบยิวที่เป็นที่รู้จักส่วนหนึ่งสอนว่า การผ่าอวัยวะออกจากผู้ที่อยู่ในสภาวะสมองตาย เทียบเท่ากับการทำฆาตกรรม แต่ศาสตราจารย์จาคอป แลฟวี่ หัวหน้าศูนย์เปลี่ยนถ่ายอวัยวะของอิสราเอลกล่าวว่า ผู้ที่ไม่ต้องการบริจาคอวัยวะมักยกเหตุผลที่ว่า ศาสนาไม่อนุญาตขึ้นมาอ้าง แต่ในที่นี่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณไปขอคำอธิบายจากแรบไบคนไหน โดยทั่วๆ ไป แรบไบจากกลุ่มออร์โธด๊อกซ์ ซึ่งเป็นกลุ่มยิวดั้งเดิม จะไม่เห็นด้วยกับการบริจาคอวัยวะ ในขณะที่แรงไบจากกลุ่มยิวปฏิรูป และยิวสมัยใหม่ จะแปลความหมายคัมภีร์ในเชิงให้อิสระมากกว่า
โดยแรบไบ Yossef Eliashiv ที่ได้รับความนับถือและมีอิทธิพลในวงการได้ฟัตวาไว้ว่า การจะประกาศว่าผู้ใดเสียชีวิตแล้ว ให้ใช้การที่หัวใจหยุดเต้นเป็นการตัดสิน แต่คำฟัตวานี้ก็ถูกแรบไบจากกลุ่มอื่นโต้แย้ง
แรบไบ Reem Hacohen จากกลุ่ม Otniel Yeshiva ในเขตเวสต์ แบ๊งค์ กล่าวว่า เป็นที่อนุมัติโดยกฎหมายยิวให้บุคคลแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะได้ โดยมีการทำหนังสือ และออกบัตรเป็นหลักฐาน และการบริจาคอวัยวะเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ และตามกฎหมายของอิสราเอล หากแพทย์ประกาศสภาวะสมองตาย ก็หมายถึงการตายอย่างแท้จริงแล้ว
อิสราเอลผ่านกฎหมายที่รับรองการประกาศสภาวะสมองตายของแพทย์ ในปี 2008 แต่แรบไบจำนวนมากที่คัดค้านกฎหมายนี้ ได้แสดงความเห็นว่า แพทย์ต้องให้แน่ใจเสียก่อนว่าสมองตายจริง ไม่ใช่รีบประกาศเพราะต้องการนำอวัยวะไปใช้ ในการนี้ต้องตั้งคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยแรบไบจำนวนหนึ่งขึ้นมาเพื่อพิจารณา
ตามข้อมูลของศูนย์ ฯ มีชาวอิสราเอลประมาณร้อยละ 10 ที่ลงทะเบียนบริจาคอวัยวะ และกฎหมายยังระบุให้สมาชิกในครอบครัวสามารถโต้แย้งความตั้งใจของผู้ตายได้ในขั้นตอนสุดท้าย ปัจจุบันมีครอบครัวของผู้บริจาคเพียงครึ่งเดียวของจำนวนนี้ ที่เต็มใจให้นำอวัยวะของผู้ตายไปใช้ประโยชน์ ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับในประเทศทางตะวันตก หลังจากที่บุตรของโคเฮนออกมาประกาศว่าบิดาอยู่ในภาวะสมองตาย ผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะพุ่งขึ้นถึง 150 % ภายในไม่กี่สัปดาห์-www.muslimthai.com |