สำนักข่าวมุสลิมไทย
ริยาดฮฺ – สตรีในซาอุดี้กำลังต่อต้านขนบธรรมเนียมประเพณีของเผ่า ซึ่งทำให้พวกเธอตกเป็นตัวประกันตามอำเภอใจของบิดา และมะฮฺรอม ในการใช้สิทธิ์เลือกคู่ครองแทนพวกเธอ
ด้วยเกรงว่าจะต้องเผชิญกับการอยู่เป็นโสดชั่วชีวิต สตรีซาอุดี้จำนวนมากซึ่งหลายคนจบการศึกษาระดับปริญญา และมีการงานที่ดีทำ ได้หันมาพึ่งบารมีศาลร้องเรียนให้ออกคำพิพากษา บังคับให้บิดายอมเซ็นอนุญาตให้พวกเธอแต่งงานได้
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลในมาดินะปฏิเสธคำร้องของแพทย์วัย 42 ปี ที่ต้องการเอาชนะบิดาและพี่-น้องผู้ชาย ที่ไม่ยอมอนุญาตให้เธอแต่งงานกับศัลยแพทย์ที่เธอทำงานอยู่ด้วย เพียงเพราะเหตุผลว่าไม่ได้สังกัดเผ่าเดียวกัน กรณีนี้ศาลตัดสินเข้าข้างบิดา และว่าแพทย์หญิงผู้นี้ไม่ได้เป็นลูกที่ว่านอนสอนง่าย เพราะพยายามจะแต่งงานกับผู้ชายที่ครอบครัวไม่เห็นด้วย

ซุฮัยลา ซัยนุ้ล อาบิดีน แห่งสมาคมสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกล่าวว่า เป็นเรื่องแปลกในประเทศนี้ ที่เด็กผู้หญิงอายุเพียง 10 ขวบสามารถแต่งงานได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ผู้หญิงที่โตเต็มวัย และมีความพร้อมในทุกด้าน กลับถูกจำกัดไม่ให้แต่งงานด้วยเหตุผลที่ไร้สาระ
อามัล ซอและฮฺ อาจารย์มหาวิทยาลัยเห็นด้วยในเรื่องนี้ และว่าต้องช่วยกันขจัดปรากฏการณ์ของความไม่ตระหนักรู้ ซึ่งเธอกล่าวว่าในสมัยก่อนการมาของอิสลาม ชาวอาหรับฝังลูกสาวทั้งเป็นตั้งแต่แรกคลอด แต่สมัยนี้พวกเขาฝังลูกสาวเมื่อตอนพวกเธอโตแล้วด้วยการไม่อนุญาตให้พวกเธอแต่งงาน
อิสลามสอนว่า บิดาต้องอนุญาตให้ลูกสาวแต่งงาน หากสืบได้ว่าฝ่ายชายเป็นผู้มีศีลธรรม และเป็นมุสลิมที่เคร่งครัด แต่ในซาอุดี้ อาระเบีย การผสมปนเประหว่างกฎหมายชาริอะฮฺ และขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม ทำให้ผู้ชายในครอบครัวมีอำนาจเด็ดขาดเหนือผู้หญิง จนกว่าพวกเธอจะออกเรือนไป
ผลก็คือรัฐบาล และศาลจะไม่อนุญาตให้ผู้หญิงแต่งงาน โดยปราศจากการเซ็นอนุญาตในเอกสารโดยบิดา หรือญาติที่เป็นผู้ชาย เหตุผลหลักๆ ของการไม่อนุญาตก็คือ ผู้ชายมาจากคนละเผ่า คนละวงศ์วาน คนละวรรณะ ซึ่งความคิดเช่นนี้เป็นแก่นหลักของสังคมในราชอาณาจักรนี้มาช้านาน เนื่องจากตระกูลต่างๆ กุมอำนาจทางการเมือง และเศรษฐกิจไว้ในระดับต่างๆ กัน
พ่อหลายคนไม่อนุญาตให้ลูกสาวแต่งงานกับคนต่างเผ่า
ในขณะที่ตัวเองกลับได้ภรรยาที่มาจากเผ่าอื่น หลายคนไม่ยอมให้ลูกแต่งงานกับคนที่เธอเลือก เพราะได้หมั้นหมายเธอไว้ให้กับคนอื่นตั้งแต่เด็ก บางกรณีผู้หญิงหลายคนต้องอยู่เป็นโสด จนกว่าพี่สาวจะได้แต่งงานออกไปเสียก่อน ในขณะที่ผู้หญิงหลายคนถูกบังคับไม่ให้แต่งงานเพราะเธอเป็นผู้หารายได้หลักสำหรับการใช้จ่ายในครอบครัว
ตามข้อมูลของสมาคมสิทธิ์ ฯ 6 ปีที่ผ่านมามีผู้หญิงเข้าพึ่งอำนาจศาลขอให้สั่งอนุญาตเธอแต่งงานจำนวน 86 ราย รวมทั้งในปีนี้ซึ่งมี 13 ราย แต่ตัวเลขนี้เป็นเพียงจำนวนผู้กล้าเท่านั้น สตรีซาอุดี้อีกมากมายที่ยอมทนเป็นเหยื่ออยู่เงียบๆ
เหตุผลหลักที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้สรุปได้ว่า เป็นเพราะคนในสังคมไม่ตระหนักถึงคำสอนของศาสนา ซอและฮฺยกตัวอย่างถึงฟัตวาของชี้ค อับดุลเลาะฮฺ บิน ยิบรีน ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน ที่ระบุว่า บิดาไม่อาจจำกัดสิทธิ์ไม่ให้ลูกสาวแต่งงานได้ และว่าอย่างน้อยทางการควรออกระเบียบที่สั่งให้พ่อ หรือญาติผู้ชาย ต้องยินยอมให้ผู้หญิงในปกครองแต่งงานได้ตามความต้องการเมื่อเธออายุถึงวัย 35 ปี
ยังมีเรื่องของอาซีซะฮฺ ที่เชื่อฟังคำสั่งของบิดาที่ไม่ให้เธอแต่งงานเมื่อถึงวัยอันควร ด้วยเหตุผลที่บิดายกมาอ้างว่า ไม่มีใครที่คู่ควรกับเธอ แต่เมื่อเธออายุขึ้นเลข 3 และร้องขอแต่งงาน บิดากลับหาว่าเธอเรียกร้องในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อเธอเรียกร้องมากขึ้นบิดาก็แสดงความเดือดดาล ข่มขู่ และขังเธอไว้ในห้องไม่ให้ติดต่อกับญาติคนอื่นๆ
อาบิดีนกล่าวว่า สถาบันบางแห่งที่สอนการตีความกฎหมายชาริอะฮฺอย่างคับแคบ ต้องยอมรับแบบอย่างของสถาบันอื่น ที่เปิดใจกว้างสำหรับผู้หญิงในเรื่องการแต่งงาน ในขณะที่ไม่ได้ละทิ้งหลักการของศาสนา ผู้พิพากษาหลายคนยึดติดในขนบธรรมเนียมประเพณีจนทำให้ผู้หญิงหมดโอกาสได้แต่งงาน ซึ่งนั่นหมายความว่า พวกเธอก็หมดโอกาสในการทำหน้าที่แม่ด้วยเช่นกัน-www.muslimthai.com |