ใส่โต๊บขึ้นเครื่องบินระวังโดนค้น
หนังสือพิมพ์ประชาชาติอิสลามออนไลน์ - “ระเบียบการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยระบุให้ตรวจค้นบุคคลที่ใส่ชุดโต๊บก่อน ขึ้นเครื่องบิน แม้จะผ่านขึ้นตอนการตรวจวัตถุตามขั้นตอนปกติแล้วก็ตาม”
เชคริฏอ อะหมัด สมะดี ประธานกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ เปิดเผยกับสำนักข่าว TND ว่า เมื่อวันศุกร์(23)ที่ผ่านมา ช่วงเย็นได้เดินทางไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไปสอนศาสนาในภาคใต้ตามปกติ ดังเช่นที่เคยเดินทางเป็นประจำ แต่เกิดเรื่องไม่ปกติขึ้นในวันดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกเพื่อขอตรวจค้นร่างกาย หลังจากเดินผ่านเครื่องแสกนหาวัตถุ ตามปกติแล้ว เครื่องก็ไม่ได้ดัง หรือแสดงให้เห็นว่ามีสิ่งผิดปกติ
เชคริฏอ เปิดเผยว่า หลังจากเดินผ่านเครื่องตรวจหาวัตถุรอบแรกโดยที่เครื่องตรวจก็ไม่ดัง หรือฟ้องว่ามีวัตถุแปลกปลอมแต่อย่างใด แต่เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทที่รับการว่าจ้างจากบริษัทการ ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ได้ชี้ให้ผมไปเดินผ่านเครื่องอีกรอบ โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้เหตุผลว่า ทำไมต้องทำการตรวจซ้ำ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังคงชี้ให้ไปทำการตรวจค้นตัวอีก โดยมีเจ้าหน้าที่บางท่านได้แสดงท่าทีที่ไม่เหมาะสม ทั้งที่ผมไม่ได้แสดงท่าทีขัดขืน หรือปฏิเสธการตรวจค้น เพียงแต่ขอเก็บของก่อนเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้กลับแสดงออกด้วยท่าทีที่ไม่เป็นมิตร ราวกับว่าผมเป็นบุคคลที่เป็นอันตรายต่อประเทศ
หลังจากการตรวจค้นเกิดขึ้น และไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ จึงสอบถามอีกครั้งถึงสาเหตุการตรวจที่ผิดปกติที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยจึงเดินเข้ามานำระเบียบในการตรวจ ค้นบุคคลต้องสงสัยมาให้ดู โดยในระเบียบซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นระเบียบปฏิบัติของการท่าอากาศยานแห่ง ประเทศไทย ที่บังคับใช้ในท่าอากาศยานทุกแห่งของ บริษัทการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ระบุชัดเจนให้เจ้าหน้าที่ทำการสุ่มตรวจบุคคลที่ใส่ “ชุดโต๊บ” โดยให้เชิญตัวไปทำการตรวจค้นในห้องปิด และให้เพศเดียวกันเป็นผู้ทำการตรวจสอบ
 เชคริฏอ อะหมัด สมะดี (ซ้ายมือ)
ระเบียบ ในการให้ตรวจค้นคนที่ใส่ชุดโต๊บดังกล่าวถือเป็นการเลือกปฏิบัติ และการละเมิดสิทธิต่อชาวมุสลิมอย่างชัดเจน โดยที่บาทหลวงในศาสนาคริสต์ก็ใส่ชุดโต๊บขาวคล้ายกับชาวมุสลิม แต่การสุ่มตรวจค้นบุคคล กลับมีการดำเนินการแต่กับชาวมุสลิม และมีการกระทำราวกับว่ามุสลิมเป็นคนชั้น 2 ของประเทศ
อีกทั้งระเบียบดังกล่าวยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความไม่เป็นธรรมมาภิบาล ของบริษัทการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ในการออกระเบียบปฏิบัติที่ไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ สร้างความไม่สะดวกกับผู้ใช้บริการ และมีการใช้ระเบียบที่มีการละเมิดสิทธิของผู้ใช้บริการ
ซึ่งหัวใจสำคัญของหลักบรรษัทภิบาลที่บริษัทการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ประกาศว่าบริษัทได้ใช้หลักดังกล่าวระบุว่าเพื่อความน่าเชื่อถือของบริษัทคือ ต้องมีการเปิดเผยข้อมูล โปร่งใส และเป็นธรรม คือ ข้อมูลทุกอย่างควรที่จะเปิดเผยอย่างโปร่งใส และเป็นธรรมให้ทุกฝ่ายได้รับรู้ เพื่อที่จะได้สร้างความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจและความเชื่อมั่นให้เกิดแก่บริษัท
แต่ในคำแนะนำก่อนขึ้นเครื่องบินที่มีการเปิดเผยเป็นลายลักษณ์อักษร กลับไม่ระบุถึงการแต่งการที่ต้องห้าม หรือการแต่งกายแบบใดที่จะต้องถูกจับตาเป็นพิเศษ หรือต้องถูกเลือกปฏิบัติเช่นที่เกิดขึ้น
จากนั้นเมื่อวันอังคาร(27)ที่ผ่านมา เชคริฏอ อะหมัด สมะดี ได้แจ้งกับทีมข่าว TND อีกว่า ทางหัวหน้าของเจ้าหน้าที่ชุดที่ดำเนินการตรวจค้นตนในวันดังกล่าว ได้โทรศัพท์ และแสดงความขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และรับปากว่าจะสอบสวนเหตุดังกล่าว พร้อมทั้งรับปากว่าจะนำระเบียบดังกล่าวเข้าปรึกษากับผู้บริหารเพื่อพิจารณา ด้วย
ซึ่งในส่วนนี้ทางกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติจะติดตามการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ตามที่รับปากไว้ โดยเฉพาะเรื่องของระเบียบที่เป็นการละเมิดสิทธิของมุสลิม เพื่อให้มีการแก้ไขที่สอดคล้องต่อหลังสิทธิมนุษยชนต่อไป |