|
||
ไขปัญหา : ทัศนเรื่องการจัดงานเมาลิด | ||
คำถาม :
คำตอบ :
ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานไม่มีข้อความใดระบุไว้ว่าสมควรที่จะมีการจัดงานเมาลิดหรือการเฉลิมฉลองวันที่ท่านเราะซูล เกิด ซึ่งในสมัยของท่านเองท่านก็ไม่ได้กระทำเอาไว้เป็นแบบอย่างหรือแม้กระทั่งสั่งให้ผู้หนึ่งผู้ใดกระทำทั้งในช่วงก่อนหรือหลังที่ท่านอยู่บนโลกนี้ แท้ที่จริงแล้วท่านยังได้บอกพวกเราว่าอย่าได้ทำการใดๆหรือยกย่องท่านให้ใหญ่โตไปกว่าสถานะของท่านดั่งเช่นที่ชาวคริสต์ได้ทำไว้กับท่านนะบีอีซา ท่านเราะซูล กล่าวว่า พวกท่านจงอย่ายกย่องสรรเสริญฉันเกินความเป็นจริง อย่างที่ชาวคริสต์ยกย่องบุตรของมัรฺยัม เพราะฉันเป็นเพียงบ่าวเท่านั้น ดังนั้นจงใช้คำว่า บ่าวของอัลลอฮ์ และเราะซูลของพระองค์ (บันทึกโดยบุคอรีย์) และเท่าที่มีหลักฐานนั้นพบท่านเราะซูล ได้ทำให้วันเกิดของท่านเป็นวันแห่งการอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์ ไม่ใช่ทำให้เป็นวันเฉลิมฉลอง ท่านได้สั่งให้มีการถือศีลอดในวันจันทร์ดังที่ในหะดีษกล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ฉันเกิด และเป็นวันที่ฉันได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เผยแผ่ คือได้รับวะฮีย์ครั้งแรก (บันทึกโดยมุสลิม, อัน-นิสาอีย์ และอบูดาวูด) ยิ่งไปกว่านั้น เราต่างก็รู้กันว่าบรรดาเศาะหาบะฮฺนั้นเป็นผู้ที่รักท่านเราะซูล ที่สุด ดังนั้น มีหลักฐานบ้างไหมว่าท่านอบูบักรฺซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิดและรักท่านเราะซูล ที่สุดผู้หนึ่งได้กระทำการจัดงานเฉลิมฉลองวันเกิดให้ท่านเราะซูล ? มีหลักฐานบ้างไหมว่าท่านอุมัรฺ ผู้ซึ่งปกครองอาณาจักรอยู่ 12 ปี และท่านอุษมานได้กระทำ? มีหลักฐานบ้างไหมว่าท่านอะลีย์ซึ่งเป็นญาติและเป็นคนที่ท่านรสูลเลี้ยงดูมาแต่เด็กได้กระทำ? มีหลักฐานบ้างไหมว่ามีเศาะหาบะฮฺสักท่านได้กระทำ? ไม่มีเลย สาบานต่ออัลลอฮ์ ! มันเป็นเพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่เห็นถึงความสำคัญของมัน หรือเพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่รักท่านเราะซูล จริง อย่างนั้นหรือ ? แน่นอนว่าไม่มีใครกล่าวเช่นนั้นนอกจากผู้ที่หลงทางและได้ชักนำผู้อื่นให้หลงทางไปด้วยเท่านั้น อีกทั้งบรรดาอิมามทั้งหลาย อบูหะนีฟะฮฺ, มาลิก, อัช-ชาฟิอีย์, อะหฺมัด, อัล-หะสัน อัล-บัสรีย์, อิบนุ ซีรีน ได้กระทำไว้หรือได้สั่งสอนให้กระทำไว้บ้างไหม หรือได้บอกไหมว่ามันเป็นสิ่งที่ดี ? สาบานต่ออัลลอฮ์ ไม่เลย ! มันไม่เคยมีปรากฏเลยในยุค 3 ศตวรรษแรกที่ได้ชื่อเป็นยุคดีที่สุด ดังที่ท่านเราะซูล ได้กล่าวว่า มนุษย์ที่ดีที่สุดคือคนที่อยู่ในยุคของฉัน และต่อมาก็คือคนที่อยู่ในยุคถัดจากพวกเขา และต่อมาก็คือคนที่อยู่ถัดจากพวกเขาอีกที หลักจากนั้นจะเป็นยุคของคนที่ไม่สนใจในคำมั่นสัญญาของเขา (ไม่มีความจริงจังต่อสิ่งต่างๆ) (บันทึกโดยบุคอรีย์, มุสลิมและติรฺมีซีย์) การเฉลิมฉลองวันเกิดท่านเราะซูล นั้นที่ถือกำเนิดขึ้นมาในยุคหลังจากนั้นแล้ว ซึ่งเป็นยุคที่รูปแบบจากศาสนาที่แท้จริงนั้นได้สูญหายไป และเป็นยุคที่บิดอะฮ์กำลังแพร่หลาย ดังนั้นงานเฉลิมฉลองนี้ได้กลายมาเป็นวิธีการแสดงความรักต่อท่านเราะซูล อย่างหนึ่งกระนั้นหรือ? แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อบรรดาเศาะหาบะฮ์ , บรรดาอิมามและผู้คนในยุค 3 ศตวรรษแรกที่ดีที่สุดได้มองข้ามสิ่งนี้ไป แต่กลับกลายเป็นคนยุคหลังต่างหากที่มองเห็นถึงความสำคัญของมัน?! อันที่จริงแล้วอัลกุรอานได้สอนเราถึงการแสดงความรักต่อท่านเราะซูล อย่างถูกต้องนั่นก็คือการปฏิบัติตามในสิ่งที่เป็นทางนำซึ่งท่านได้นำมาให้กับเรา ดังพระดำรัสของอัลลอฮ์ ว่า : «قُلْ إِنْ كُنْتُمْ تُحِبُّونَ اللَّهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللَّهُ وَيَغْفِرْ لَكُمْ ذُنُوبَكُمْ وَاللَّهُ غَفُورٌ رَحِيمٌ (٣١) قُلْ أَطِيعُوا اللَّهَ وَالرَّسُولَ فَإِنْ تَوَلَّوْا فَإِنَّ اللَّهَ لا يُحِبُّ الْكَافِرِينَ (٣٢) » [آل عمران : 31-32] จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)ว่า หากพวกท่านรักอัลลอฮ์ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮ์ก็จะทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งโทษทั้งหลาย และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงให้อภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)ว่า พวกท่านจงเชื่อฟังอัลลอฮ์และเราะซูลเถิด แต่หากพวกเขาผินหลังให้ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นไม่ทรงชอบผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย [อาละอิมรอน 31-32] จากในอายะฮ์แรกได้บอกให้เรารู้ว่าความรักนั้นเป็นเพียงคำกล่าวอ้าง แต่สิ่งที่เป็นการยืนยันในความจริงใจนั่นคือการปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านเราะซูล นำมา ส่วนในอายะฮ์ต่อมาคือการเน้นย้ำและรับรองถึงความสำคัญและความจำเป็นต่อการเชื่อฟังโอวาทของอัลลอฮ์ และเราะซูล ซึ่งอัลลอฮ์ได้จบท้ายอายะฮ์ด้วยการเตือนว่าใครก็ตามที่ปฏิเสธโอวาทนั้นก็เปรียบเสมือนเป็นกาฟิรฺ(พวกปฏิเสธศรัทธา) เราขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮ์ช่วยให้เราออกห่างจากสิ่งนั้นด้วยเถิด ท่านเราะซูล ได้กล่าวถึงอันตรายของการไม่เชื่อฟังท่าน และการเพิ่มเติมหรือแต่งเติมในสิ่งที่ท่านนำมา ดังเช่น งานเมาลิดหรือการฉลองวันเกิดท่านเราะซูล ก็เช่นกัน มันคือสิ่งที่ถูกเพิ่มเติมเข้าไปในศาสนาที่ท่านเราะซูล นำมา ซึ่งบรรดาอุละมาอ์ทั้งหมดมีมติเช่นนั้น ท่านเราะซูล ได้กล่าวว่า คำพูดที่ดีคือกิตาบุลลอฮ์ และคำชี้นำที่ดีคือคำชี้นำของมุฮัมมัด ส่วนสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดคือสิ่งที่ถูกอุตริขึ้นมาใหม่(ในศาสนา) และทุกสิ่งที่เป็นบิดอะฮ์(ในศาสนา)นั้นคือการหลงทาง (บันทึกโดยมุสลิมและอัน-นิสาอีย์)
ขออัลลอฮ์ ได้โปรดประทานความจำเริญให้แก่ท่านนะบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ของเราด้วยเถิด
ฟัตวาจาก เว็บไซต์ islamqa.com โดย เชค มุหัมมัด บิน ศอลิหฺ อัล-มุนัจญิด
|
||
พิมพ์จาก : http://muslimthai.muslimthaipost.com/main/index.php?page=sub&category=25&id=5750
วันที่ : 15 ธันวาคม 62 21:18:00 สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์ http://www.muslimthaipost.com |