มุสลิมไทยดอทคอม ASEAN NGO SUMMIT www.muslimthai.com ระดมสมอง NGO. 5 ชาติอาเซียน แก้ปัญหาวิกฤตภูมิภาค รายงานโดย.ราญาอี ธนชยางกูร ๐เอ็นจีโอ.อาเซียนห่วงใยปัญหานิวเคลียร์ หวั่นเหตุสร้างโรงงานนิวเคลียร์ในประเทศเพื่อนบ้าน สร้างความตึงเครียดในภูมิภาค ๐เรียกร้อง ความยุติธรรมและสันติภาพ เน้นย้ำการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี และเคารพปฏิญญาสากล  สนทยายามค่ำ ซ้ายนายศราวุธ ศรีวรรณยศ กลางรศ.วรวิทย์ บาห์รู สว.ปัตตานี ซ้ายนายโมฮัมมัด อัษมี อับดุลฮามีด ประธาน NADI
นายศราวุธ ศรีวรรณยศ ประธานสภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า... การจัดประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นโดยเอ็นจีโอ.ในอาเซียน ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาชน ที่จัดขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมและสันติภาพ โดยมีองค์กรจากประเทศอาเซียน 5 ชาติ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า ฟิลิปปินส์และไทย โดยได้หยิบยกประเด็นปัญหาของพื้นที่ๆ มีความขัดแย้งของชนกลุ่มน้อยยกขึ้นมาร่วมกันพิจารณา 3 พื้นที่ด้วยกัน คือ โรฮิงยา ในรัฐอารากันของพม่า ซึ่งประสบปัญหาอย่างหนักจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิเสธการเป็นพลเมืองจากรัฐบาลพม่า เช่นเดียวกับชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่น ที่ต้องเร่ร่อนออกนอกประเทศ ไม่สามารถประกอบอาชีพ เป็นของตนเองได้ ทำให้เกิดปัญหาชาวเรืออพยพ หรือ BOAT PEOPLE ไปทั่วในอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ข้อเรียกร้องของชาวโรฮิงญาก็คือ สิทธิการเป็นพลเมืองของชนชาติ และการเข้าไปมีส่วนร่วมพัฒนาประชาธิปไตยในพม่า ที่ประชุมได้เห็นว่า สิ่งเหล่านี้คือ สิทธิขั้นพื้นฐานชาวโรฮิงญาซึ่งสมควรที่จะได้รับในฐานะเป็นพลเมืองของประเทศ เช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ในพม่าที่นับถือศาสนาพุทธหรือเช่นเดียวกับชนกลุ่มน้อยกลุ่มอื่นๆโดยพื้นฐานที่จะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่มีการรังเกียจเดียดฉันท์ คิดว่าผู้นำรัฐบาลอาเซียน จะต้องนำข้อเรียกร้องนี้ไปสู่รัฐบาลพม่าต่อไป และว่า ส่วนในบ้านเรา การใช้กฎหมายที่ก่อให้เกิดความรุนแรง ด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางในภาคใต้ นำไปสู่การต่อต้านซึ่งเกิดขึ้นมาจากกลุ่มที่ไม่พอใจ ในการที่รัฐใช้ความรุนแรง คนบริสุทธิ์ส่วนมากถูกพาไปกักขัง ทำให้ต้องสูญเสียอิสรภาพ อาชีพ และอนาคต คนนับพันถูกขัง โดยไม่มีการสืบสวนและตั้งข้อหา บางคนถูกทรมาน แม้ปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่จะรับสารภาพว่า ปฏิบัติการดังกล่าวจะลดน้อยลงแล้วก็ตาม เราจะเห็นได้ว่าการส่งเสริมกฎอัยการศึกในพื้นที่ของความขัดแย้งเป็นผิดพลาดที่สำคัญ ซึ่งเราอยากจะเห็นการยกเลิกทั้งหมด เพื่อให้เกิดแนวทางแก้ไขในเชิงสันติวิธี ประธานสภาองค์การมุสลิมฯ กล่าวต่อว่า... ส่วนในประเด็นของฟิลิปปินส์ก็เช่นเดียวกัน มันเป็นผลพวงมาจากเหตุการณ์ของ 11 กันยารัฐบาลในอาเซียน ตามนโยบายของประธานาธิบดีบุช ซึ่งมีการทำให้เกิดความสงสัยและความหวาดระแวงในหมู่ประชาชน และประชากรมุสลิมในอาเซียน ความหวาดระแวงนำไปสู่ความแตกแยกในหมู่ประชาชน แม้ว่าปัจจุบันรัฐบาลอเมริกาได้ยอมรับความแตกต่างมากยิ่งขึ้น จากการเลือกตั้งประธานธิบดีโอบามา เราก็อยากจะเห็นมาตรการที่ดีกว่านี้ ให้ชาวบังซาโมโรมีสิทธิในการที่จะกำหนดวิถีชีวิตและเลือกชะตากรรมของตนเอง และว่า ประเด็นที่สำคัญ มีการเสวนากันเรื่องเขตปลอดนิวเคลียร์ในอาเซียน โดยมีความวิตกกังวลจากจากลุ่มเอ็นจีโอ ซึ่งบางประเทศในอาเซียนกำลังพยายามที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้ยังมีการให้สัตยาบันปฏิญญากรุงเทพฯ จากการประชุมในหัวข้อ ประชาชนเรียกร้องความยุติธรรมและสันติภาพโดยมีกลุ่มอาเซียนเอ็นจีโอ. 45 องค์กรร่วมกันลงนามในการให้สัตยาบัน ประธานสภาองค์การมุสลิมกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า... สาระสำคัญของปฏิญญาดังกล่าวมีประเด็นข้อเสนอต่อรัฐบาลอาเซียนดังต่อไปนี้ 1.เรียกร้องให้รัฐบาลได้สนใจโดยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการให้หลักประกันสิทธิ ที่จะได้รับความยุติธรรมและสันติภาพ โดยมีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เพื่อให้บรรลุถึงปัจจัยพื้นฐานและกระบวนการจัดสรรทรัพยากรของชาติอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม 2.พึ่งหลีกเลี่ยงการใช้ปฏิบัติการทางทหารในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง โดยเลือกใช้แนวทางสันติวิธี เพื่อจิตวิญญาณของความสมานฉันท์ โดยแสวงหาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน 3.ส่งเสริมและสนับสนุนการแนวทางการปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน โดยคำนึงถึงประโยชน์และความรับผิดชอบร่วมกันที่จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งดังกล่าว 4.ส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาคและนานาชาติ ในการดำเนินการตามนโยบายเพื่อค้ำประกันหลักยุติธรรมและสันติ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน 5.เร่งรีบแก้ไขมาตรการอย่างเร่งด่วนในกรณีชะตากรรมของชาวโรฮิงญา ปัญหาภาคใต้ของประเทศไทย และมินดาเนา โดยการปรึกษาร่วมกันระหว่างรัฐบาลอาเซียน บนพื้นฐานของความยุติธรรมและความชอบธรรมของประชาชน 6.เป็นพันธกรณีของประเทศพม่า ไทยและฟิลิปปินส์ ในการทบทวนนโยบายความมั่นคง และกระบวนการยุติธรรมที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในภูมิภาค 7.ให้ความร่วมมือกับสหประชาชาติ ประชาคมนานาชาติและพลังกลุ่มพลังประชาสังคม ในการให้การคุ้มครองช่วยเหลือ สิทธิของคนไร้ถิ่นฐานจากความขัดแย้ง หรือคนที่ถูกกีดกันจากความยุติธรรมและได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากรัฐของตนเอง รัฐต้องให้หลักประกันกับคนไร้ถิ่นฐานในการเดินทางกลับประเทศของตนเองอย่างปลอดภัย โดยยอมรับสถานะผู้ลี้ภัย และหลีกเลี่ยงมาตการการกักขัง อันเนื่องมาจากการขาดเอกสารการอพยพโดยยินยอมให้สำนักงานใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติได้เข้ามาประเมินแก้ไขปัญหาดังกล่าว 8.ให้การรับรองสนธิสัญญาที่เกี่ยวข้องกับผู้ลี้ภัย ผู้อพยพ คนไร้รัฐและปฏิญญาสากลว่าด้วยการปกป้องสิทธิของคนทำงานต่างด้าวและสมาชิกในครอบครัว 9.ให้ความสำคัญบทบาทของเด็กและสตรีในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ความขัดแย้งดังกล่าว 10.ส่งเสริมสนับสนุนความโปร่งใสของรัฐบาล และให้ความสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมของความรับผิดชอบ วัฒนธรรมของความซื่อสัตย์และโปร่งใสโดยละทิ้งวัฒนธรรมแห่งการกดขี่และคอรัปชั่น 11.ส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาคเพื่อยกระดับการเคลื่อนไหวของประชาชนอย่างมีเสรีภาพในการข้ามแดน เพื่อกระตุ้นความร่วมมือทางการค้าและวัฒนธรรม เพื่อการเจริญเติบโตและพัฒนาอย่างยั่งยืน 12.ส่งเสริมมาตรการการปรึกษาหารือในหมู่สมาชิกของอาเซียน โดยคำนึงถึงประโยชน์ร่วมกันในการปกป้องประเทศ และภัยที่คุกคามโดยแสวงหามาตรการความมั่นคงร่วมกัน 13.จัดตั้งคณะแสวงหาความจริงและคณะกรรมการสมานฉันท์ระดับชาติ ในประเทศพม่า ไทย และฟิลิปปินส์ เพื่อสถาปนาความยุติธรรมความเชื่อมั่นในประชาสังคมดังกล่าว และเปิดเผยการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอดีต ทบทวนนโยบายความมั่นคงทั้งหมดเพื่อการนำไปสู่การแก้ไขและปรับปรุงใหม่ 14.ส่งเสริมความพยายามในการใช้กฎหมายส่วนบุคคล อิสลามเกี่ยวกับครอบครัวและมรดก ในภูมิภาคที่มีชุมชนมุสลิมอาศัยอยู่ 15.มุ่งเน้นถึงการเสวนา การส่งเสริมการพูดเพื่อสันติภาพ และการเจรจาในทุกระดับ 16.ปรับปรุงแผนการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจและการเมืองในภาคใต้ของประเทศไทย โดยยกเลิกการปฏิบัติการทางทหาร "ประธานสภาองค์การมุสลิมฯกล่าว - www.muslimthai.com |