มุสลิมไทยดอทคอม นายไพศาล พรหมยงค์ ปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการอิสลาม จังหวัดสมุทรปราการและเป็นคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ให้แง่คิดในประเด็นนครปัตตานี หรือมหานครปัตตานีกับผู้สื่อข่าวมุสลิมไทย ไว้อย่างน่าสนใจ  นายไพศาล พรหมยงค์
| ท่านได้กล่าวว่า หลังการเปิดประเด็นเสนอตั้งนครปัตตานีของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 มีคำถามตามมามากมายจากหลายภาคส่วนมีการแสดงความคิดเห็น ซึ่งมีทั้งที่สนับสนุนและคัดค้าน บางคนมองว่าเป็นเพียงการเดินแต้มในเชิงรุกทางการเมืองของอดีตขงเบ้งแห่งกองทัพไทย |
แต่ไม่ว่าจะมองไปในด้านใด พี่น้องมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยังคงต้องรับสภาพแห่งความปวดร้าวต่อไป ในฐานะจำเลยของสังคม จึงขอให้บทสรุปสำหรับเรื่องนี้ดังนี้ การเสนอตั้งนครปัตตานีเป็นเรื่องใหม่หรือไม่ การเสนอตั้งนครปัตตานีในครั้งนี้ ยังไม่มีรายละเอียดใด ๆ เป็นองค์ประกอบเลยว่าจะเป็นนครที่อยู่ในสถานะใด จะเอาไปเปรียบเทียบกับนครเชียงใหม่ พัทยา หรือ กรุงเทพฯ หรือแม้แต่เขตปกครองพิเศษของมณฑลซินเกียงในประเทศจีนยังคงไม่ได้ หากมีการเสนอนครปัตตานีจะมีจังหวัดอะไรรวมอยู่บ้าง การเสนอตั้งนครปัตตานีมีมานานแล้ว แต่ก็เป็นประเด็นทางการเมืองที่ถกเถียงกัน โดยยังไม่มีรายละเอียดใด ๆ และจะเป็นการรวมจังหวัดใดเข้าด้วยกันบ้าง หรือเฉพาะจังหวัดปัตตานีก็ยังไม่ชัดเจน  ภาพเด็กมุสลิมชายแดนใต้
| เขตปกครองพิเศษจะสามารถแก้ปัญหาความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้หรือไม่ ก็คงต้องตอบแบบฟันธงเลยว่าไม่ได้ เพราะปัญหามันไม่ได้อยู่ที่รูปแบบของการปกครองแต่ปัญหามันอยู่ที่การปกครองโดยเจ้าหน้าที่รัฐ |
คิดว่านครปัตตานีจะแก้ปัญหาภาคใต้ได้จริงหรือ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่สะสมมาช้านานจากการละเมิดสิทธิ ความอยุติธรรม ความมีอคติ การหาผลประโยชน์ ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในสิ่งผิดกฎหมาย แต่ที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องหยิบยกเอาเรื่องการแยกดินแดนขึ้นมาเป็นประเด็นหลักทั้ง ๆ ที่เป็นองค์ประกอบเล็ก ๆ ของปัญหาทั้งหมด แต่ที่ต้องหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นหลักเพราะเป็นการปิดบังความชั่ว ความบกพร่อง หรือความอ่อนแอในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐเอง ที่ไม่สามารถสะสางหรืออาจจะมีบางกลุ่มบางคนที่มีส่วนรวม ในความเลวร้ายเหล่านั้น ยิ่งนานวันเข้าปัญหาเหล่านี้ก็สะสมมากเข้า ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และตกเป็นเหยื่อของความชั่วร้ายเหล่านี้ รวมถึงญาติพี่น้องที่เจ็บแค้นแทน ก็ทยอยถอยห่างจากอำนาจรัฐ ไปร่วมสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น ก็ยิ่งไปเข้าทางเจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่มที่ได้เห็นภาพที่ชัดขึ้นตามทฤษฎีที่ได้ตั้งไว้ ประชาชนในพื้นที่ต้อนรับนครปัตตานีจริงหรือไม่ หรือว่าแค่เกมส์ การเรียกร้องสิทธิของพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ไม่เคยปรากฏเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนว่าต้องการปกครองตนเองหรือต้องการเป็นรัฐอิสระ แต่เขาเหล่านั้นเรียกร้องเพียงสิทธิที่พึงได้รับตามรัฐธรรมนูญไทยที่เขียนกันไว้อย่างสวยหรูในมาตราต่าง ๆ ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ไม่ใช่ในฐานะเฉพาะคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เสมือนต้องรอความเมตตาจากภาครัฐในส่วนกลาง  ภาพเยาวชนจังหวัดปัตตานี
ความยุติธรรม สิทธิการใช้ภาษา สิทธิการเล่าเรียนตามหลักการศาสนาอิสลาม สิทธิการปฏิบัติตามวัฒนธรรมประเพณี เพื่อธำรงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของกลุ่มคน ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของกลุ่มคนในพื้นที่ สิทธิตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญอื่น ๆ รวมถึงการส่งเสริมพัฒนาการดำเนินชีวิตจากงบประมาณแผ่นดินที่เขาต่างมีส่วนร่วมในการเสียภาษีให้กับแผ่นดิน เหล่านี้คือสิทธิที่เขาพึงได้ แต่ก็ไม่ได้รับอย่างที่ควรจะได้รับ จะได้รับอะไรซักเรื่องก็เสมือนเป็นบุญคุณอันยิ่งใหญ่ที่ภาครัฐหยิบยื่นให้ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเพียงสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น ดังนั้นการตั้งนครปัตตานี หรือเขตปกครองพิเศษจึงไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง สำหรับผู้คนในพื้นที่เห็นด้วยหรือไม่กับการจัดตั้งนครปัตตานี ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับรู้กับเรื่องเหล่านี้มากนัก บางส่วนก็ชินชากับข้อเสนอที่เป็นยาหอมเช่นนี้ เรื่องเช่นนี้จะอยู่ในความสนใจของคนบางกลุ่มเท่านั้น และแน่นอนสำหรับคนนอกพื้นที่ส่วนใหญ่ย่อมไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะเป็นความรู้สึกเสมือนดินแดนของชาติกำลังจะถูกตัดทอนไปแล้ว ความอคติที่มีต่อพี่น้องมุสลิมจะยิ่งเข้ามามีส่วนในความคิดต่อต้านอย่างแน่นอน และจะทำให้ภาพของพี่น้องของมุสลิมในสายตาของพี่น้องต่างศาสนิกเลวร้ายลงไป ทั้ง ๆ ที่พี่น้องมุสลิมไม่ใช่ผู้ริเริ่มแนวคิดในเรื่องนี้ สิ่งที่ควรจะดำเนินการและจะทำให้สถานการณ์ความรุนแรงลดลงเป็นลำดับ ๆ กลับไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ทั้ง ๆ ที่ทุกรัฐบาลทุกหน่วยงานต่างออกมาพูดว่ารู้ถึงแก่นแท้ของปัญหาดังที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่ก็ยังไม่มีใคร พรรคไหน รัฐบาลไหน ดำเนินการอย่างจริงจังเมื่อมีอำนาจ แต่กลับชี้แจง เสนอแนะได้อย่างฉะฉานเมื่อเป็นฝ่ายค้าน จึงชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่านักการเมืองไทยหรือเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่กลับพยายามใช้สถานการณ์และพี่น้องมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเครื่องมือเพื่อแสวงหาตำแหน่ง อำนาจ ผลประโยชน์ ฯลฯ ช่างเป็นความเลวร้ายเสียนี่กระไร ที่กล่าวในย่อหน้านี้ไม่ได้กล่าวแบบลอย ๆ โดยไม่มีเหตุผล แต่กล่าวเพราะมันเป็นภาพที่ชัดเจนมาโดยตลอด เพราะจะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่จะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ทุกครั้งที่จะมีการปรับ ครม. ทุกครั้งที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือทุกครั้งที่จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทั้งฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครอง ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นและข้ออ้าง บางครั้งถึงขนาดจัดฉากสร้างละครหลอกคนดูไปทั่วประเทศ ทั่วโลก โดยเอาไบ๋ตกยากจากไหนก็ไม่รู้มาแสดงบทเป็นหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายออกทีวี โดยได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ ที่สุดกลายเป็นปาหี่ที่ทุเรศที่สุด 
นี่ยังไม่รวมถึงคำมั่นสัญญาต่าง ๆ นานา ที่ออกมาจากลมปากของผู้มีอำนาจว่าถ้าได้รับการแต่งตั้งหรือถ้าได้รับเลือกจะแก้ไขปัญหาให้เบ็ดเสร็จภายในเท่านั้นวัน เท่านี้เดือน จนผู้คนในพื้นที่ต่างระอากับลมปากเหม็น ๆ เหล่านั้น เขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันแล้วว่า วันนี้เขาไม่ต้องการยาหอม แต่ต้องการยาบำรุงที่มีคุณภาพ คงสรุปสั้น ๆ ได้ว่าถ้ารัฐบาลต้องการแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้ผลแล้วละก้อ ต้องเริ่มต้นด้วยความจริงใจทิ้งความอคติที่มีอยู่ทั้งหมด นำความจริงที่เก็บซ่อนไว้ออกมาให้หมด สะสางปัญหาที่ผ่านมาด้วยความยุติธรรม เพื่อให้พี่น้องมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หลุดพ้นออกสภาพการเป็นจำเลยของสังคม จากนั้นก็มอบความยุติธรรมและสิทธิต่าง ๆ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้กับเขาในฐานะคนไทยที่แท้จริง และต้องกำกับควบคุมดูแลเจ้าหน้าที่รัฐผู้ปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายที่ถูกกำหนดมาจากห้องแอร์ให้ได้ และที่สำคัญหยุดส่งเจ้าหน้าที่รัฐเลว ๆ ที่มีความผิดและถูกลงโทษไปอยู่ในพื้นที่ เพราะคนเหล่านี้แหละที่เป็นตัวเพิ่มปัญหาตลอดมาถ้าสามารถทำได้เช่นนี้สถานการณ์ต่าง ๆ ก็จะดีขึ้น แต่คงมิใช่สิ้นสุดลงในระยะเวลาสั้น เพราะปัญหาและความรู้สึกของผู้คนทั้งในและนอกพื้นที่ต่างถูกสะสมและปวดร้าวจากความเลวร้ายเหล่านี้มาช้านาน - www.muslimthai.com |