ผู้แทนฮัจย์ไทยพบนายกฯ ขอรบ.ทบทวน 7 ประเด็น แนวหน้า(010253) เมื่อ เวลา 08.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ดร. อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อะมีรุ้ลฮัจย์ หัวหน้าคณะผู้แทนฮัจย์ไทย (อะมีรุ้ลฮัจย์) พร้อม คณะจำนวน 25 คน เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมขอให้รัฐบาลเร่งปรับปรุงกฎระเบียบและข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ชาวไทยมุสลิมได้รับความสะดวกในทางเดินทางไปประกอบพิธี ฮัจย์ที่นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดิอารเบียมากยิ่งขึ้น ดร. อิสมาอีลลุตฟี ได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนกิจการฮัจย์และอำนวยความสะดวก แก่ผู้แสวงบุญชาวไทยมุสลิมเป็นอย่างดีมาโดยตลอด อีก ทั้งการที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญต่อคดีที่เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญของ ประเทศซาอุดิอารเบียนั้น ยิ่งทำให้เจ้าหน้าที่ของซาอุดิอารเบียรู้สึกประทับใจต่อความเอาใจใส่ในการ ปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และรัฐบาลไทย ซึ่งทำให้คดีดังกล่าวมีความคืบหน้า จนเป็นที่พอใจของทั้งสองประเทศ ยังผลให้ชาวไทยมุสลิมได้รับการดูแลและเอาใจใส่จากเจ้าหน้าที่ของประเทศซาอุ ดิอารเบียระหว่างประกอบพิธีฮัจย์เป็นอย่างดี โดยคณะผู้แทนฮัจย์ไทย ขอให้รัฐบาลได้ทบทวนและพิจารณาในประเด็นที่เกี่ยวข้อง อาทิ 1. การแต่งตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องในการทำยุทธศาสตร์ฮัจย์ 2. เร่งแต่งตั้งหัวหน้าคณะฮัจย์ เพื่อจะได้มีเวลาในการเตรียมความพร้อมให้ทันท่วงที 3. เร่งผลักดันการจัดตั้งสำนักบริการกิจการฮัจย์ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ (18 ส.ค.52) ให้เกิดเป็นรูปธรรมและมีผลทางปฏิบัติที่ชัดเจน 4. ปรับปรุงและกำหนดมาตรการในการบริหารจัดการเที่ยวบิน ที่พัก และการจัดกลุ่มผู้แสวงบุญ ให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น 5. ปรับปรุงระเบียบกองทุนฮัจย์ให้บังเกิดผลประโยชน์ต่อชาวไทยมุสลิม 6. แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อผลักดันเรื่องการพัฒนากิจการฮัจย์ไทย (มติมักกะฮ์ปี 52) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานสโมสรฮัจย์สัมพันธ์ ณ นครเมกกะฮ์ ประเทศซาอุดิอาระเบียให้เป็นรูปธรรม 7. การจัดสร้างอาคารสำนักงานผู้แทนฮัจย์ไทยที่นครมักกะฮ์หลังใหม่ แทนอาคารหลังเดิมซึ่งกำลังจะถูกรื้อทิ้ง ด้านนายอภิสิทธิ์ ได้แสดงความขอบคุณคณะผู้แทนฮัจย์ไทย ที่ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยดี จนทำให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น สำหรับ ข้อเสนอที่ขอให้รัฐบาลสนับสนุนและผลักดันในเรื่องต่าง ๆ นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาและเร่ง ดำเนินการ เพื่อให้กิจการฮัจย์เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ |