ทางการสหรัฐ กำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมากขึ้นสำหรับเครื่องบินทุกเที่ยวบินที่เดินทางเข้าสู่สหรัฐอเมริกาหลังเกือบโดนนักศึกษาวิศวกรรมชาวไนจีเรียวางระเบิดเครื่องบินโดยสาร ความคืบหน้ากรณีนายอูมาร์ ฟารุค อับดุล มูทัลลับ นักศึกษาวิศวกรรมชาวไนจีเรีย พกพาและพยายามจุดระเบิดบนเครื่องบินแอร์บัส เอ 330-300 ของสายการบินนอร์ธเวสต์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 253 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 289 คน เดินทางจากกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ มายังนครดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ก่อนหน้าที่เครื่องบินจะลงจอดที่ท่าอากาศยานดีทรอยต์ แต่ถูกผู้โดยสารและลูกเรือจับกุมเอาไว้ได้ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ว่า นายอูมาร์ ฟารุคถูกตั้งข้อหาว่า พยายามทำลายเครื่องบินขณะกำลังบิน ในขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในหลายๆ ด้านเพื่อขยายผลจากการจับกุม
นายอูมาร์ ฟารุคให้การว่า เป็นนักศึกษาวิชาวิศวกรรม จากมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน แต่เลิกเรียนหลังจากได้ติดต่อกับอิหม่ามในเยเมนผู้หนึ่งทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นผู้แนะนำนายอูมาร์ ฟารุคให้กับผู้นำอัลเคด้าหลายคนที่แหล่งซ่องสุมในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางเหนือของกรุงซานอา เมืองหลวงของเยเมน จากนั้นได้เดินทางไปใช้ชีวิตอยู่กับอัลเคด้าในเยเมนนาน 1 เดือน และได้รับการฝึกเพื่อการระเบิดเครื่องบิน ช่วงท้ายๆ ของการฝึก ได้มีแกนนำอัลเคด้าจากซาอุดีอาระเบียมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยและสอนให้ประกอบระเบิด นายอูมาร์ ฟารุคสารภาพว่า รับคำสั่งจากอัลเคด้าให้ปฏิบัติการว่าจะต้องระเบิดเครื่องเมื่ออยู่ในสหรัฐ ผู้เชี่ยวชาญวัตถุระเบิดระบุว่า ระเบิดที่นายอูมาร์ ฟารุคใช้ เป็นระเบิดแรงสูงที่เรียกว่าพีอีทีเอ็น ซึ่งส่วนประกอบหลักเป็นไนโตรกลีเซอร์ลีน เป็นระเบิดชนิดเดียวกับที่นายริชาร์ด ซี. รีด หรือที่ถูกตั้งฉายาว่า ชูบอมเบอร์ ใช้เพื่อพยายามระเบิดทำลายเครื่องบินสายการบินอเมริกันเมื่อปี 2544 โดย สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สิ่งที่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อเหตุการณ์ครั้งนี้คือ ทางการสหรัฐ มีการกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมากขึ้นสำหรับเครื่องบินทุกเที่ยวบินที่เดินทางเข้าสู่สหรัฐอเมริกา |