"นิพิฏฐ์" บี้ "แม่ชีทศพร" เลิกสอนศิษย์งมงาย บิดเบือนหลักศาสนา แก้กรรมพิศดารแบบ "เอากัน"
ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ช่วงสรยุทธ เจาะข่าวเด่น เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2554 "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" ได้สัมภาษณ์ของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ประเด็นแก้กรรมแบบพิศดาร
สืบเนื่องจาก การใช้คำพูดไม่เหมาะสมในการสอนธรรมแก่ประชาชน ของ แม่ชี ทศพร เทวาพิทักษ์ธรรม ซึ่งจำวัดอยู่ที่วัดพิชยญาติการาม เขตคลองสาน ตามที่มีคลิปเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตจนเป็นที่ฮือฮาไปทั่ว
สรยุทธ : คิดอย่างไรกับการแก้กรรมแบบ "เอากัน"
คิดว่าการแก้กรรมแบบนั้น เหมือนเป็นการเพิ่มกรรมมากว่า อย่างน้อยที่สุดการทำให้ผู้หญิงผู้ชายที่ไม่รู้จักกันแล้วไปมีเพศสัมพันธ์ด้วยกันก็ผิดศีลข้อ 5 อยู่แล้ว ถือเป็นการเพิ่มกรรมให้ชาวบ้าน
สรยุทธ : ดูคลิปแล้วรู้สึกอย่างไร
การแก้เคล็ดหรือแก้กรรมในลักษณะนี้ แนะนำให้ทำอย่างนี้ ถ้าทำแล้วท่านทั้งหลายจะพ้นทุกข์ คิดว่าวิธีนี้ไม่ถูก คนเราก็เหมือนบัว 4 เหล่า บางคนเชื่อแล้วไปปฏิบัติตาม เละเทะต่อไปอีก เหมือนเป็นการสอนคนให้ไม่มีเหตุผล งมงาย เป็นการสอนให้คนละเมิดศีลธรรมหนักขึ้นไปอีก แล้วคนที่ปฏิบัติตามคำสอนของแม่ชีแล้วก็จะมีทุกข์หนักเข้าไปอีก คนก็จะเข้าใจผิดหลักของศาสนา ซึ่งเป็นอันตราย
กระทรวงวัฒนธรรมรู้สึกกังวลในคำสอนของแม่ชี ถ้าคนเชื่อแล้วไปทำอย่างนี้ สังคมก็เละเทะกันหมด ผิดกฎหมาย ฆ่าฟันกัน ผิดลูกผิดเมียกันไปหมด ขอให้ท่านเปลี่ยนการสอน สอนให้เป็นวิทยาศาสตร์ เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งวิทยาศาสตร์
สรยุทธ : เชื่อการแก้กรรมหรือไม่
ผมเชื่อการกระทำที่เป็นปัจจุบัน ว่าที่เป็นอยู่มันมีเหตุมีปัจจัย ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ ถ้าทำแบบนี้แล้วอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต จะเชื่อหลักแบบนี้มากกว่า
สรยุทธ : เท่าที่ผ่านมามีเยอะ สังคมจะทำอะไรได้ไหม
เราต้องกลับไปที่หลักของพระพุทธศาสนา เรารู้ว่ามนุษย์สามารถแยกแยะความผิดความถูกได้ ความดีความเลวได้ ถ้าสิ่งที่เราทำนั้นหลักศาสนาพุทธบอกว่าเป็นความชั่ว เป็นอกุศลกรรมก็อย่าไปทำ แต่ถ้าสิ่งที่เราทำนั้นเป็นความดี เราก็ต้องทำดียิ่ง ๆ ขึ้นไป หลักมันอยู่ตรงนั้นเอง ส่วนการที่ใครจะรู้ว่าในอดีตกาลเราเคยทำอะไรมา พระอรหันต์เท่านั้นที่จะรู้ ผมไม่ได้ปรามาสแม่ชี แต่คิดว่าแม่ชีไม่รู้ ดูลักษณะการสอนที่ไม่สำรวมของแม่ชีก็คือคนที่ไม่บรรลุธรรม เพราะสอนให้คนทำผิดศาสนา เป็นบาปต่อตัวแม่ชีเอง
นอกจากนี้ยังงมงาย สอนให้คนโง่ การที่คนไม่รู้จักกัน ในอารมณ์แบบนั้น สถานที่แบบนั้น ก็ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว หลักทั่วไปในสังคมก็ไม่ถูกอยู่แล้ว เราแยกแยะได้ว่าคนไม่รู้จักกันเลยไปกอดกันหน่อยได้ไหม ให้หอมแก้มเพื่อให้หมดกรรม มันไม่ใช่ มันผิดหลัก
สรยุทธ : ต่อกรณีนี้ กระทรวงฯมีอำนาจอย่างไร
อันที่จริงไม่มีอำนาจไปจัดการอย่างนั้น เพียงแต่ว่ามีหน้าที่เตือนสติสังคมว่าหลักที่แท้จริงของศาสนาเป็นอย่างไร วันนี้มีคนพูดและเบี่ยงเบนคำสอนของศาสนา หากเกิดขึ้นกับศาสนาไหนก็ต้องทำแบบนี้ แม้กระทั่งในปักษ์ใต้มีการเบี่ยงเบนหลักศาสนาเราก็ทำ ศาสนาพุทธเราก็เตือนสังคมว่ามันไม่ใช่หลักศาสนาที่แท้จริง แต่ว่าอำนาจในการบังคับบัญชาไม่มี จึงต้องไปกราบนมัสการพระพรหมโมลี เจ้าอาวาส เพื่อหวังว่าจะได้กำชับ สอดส่องดูแลว่าคำสอนเหล่านี้ ต้องระมัดระวังและอย่าสนับสนุนให้แม่ชีสอนแบบนั้นในวัด
สรยุทธ : คุยกับแม่ชีแล้วเข้าใจอย่างไร
จากการเข้าไปพบ คิดว่าแม่ชีเข้าใจ กระทรวงฯได้กังวลในคำสอนของแม่ชี มันทำให้คนหลงผิด คนโง่ คำสอนของท่านไม่ทำให้คนฉลาดเลย ขอให้ท่านเลิกสิ่งเหล่านี้ ท่านบอกว่าหากกระทรวงฯไม่สบายใจก็จะเลิก และจากนี้ไปหากแม่ชีไม่เลิกกระทรวงฯก็จะใช้มาตรการที่รุนแรงกว่านี้ เช่นกราบนมัสการให้พระพรหมโมลีจัดการในฐานะเจ้าอาวาส ในอำนาจการปกครอง ให้คนที่ไม่เหมาะสมออกจากวัด
สรยุทธ : ถ้ามองว่าเป็นการสอนวิธีแบบชาวบ้าน
อันนี้ก็ไม่ได้ เพราะคนเชื่อว่าที่แม่ชีสอนนั้นเป็นเรื่องจริง แม่ชีมีลูกศิษย์เยอะ ฟังตอนนั้นอาจจะเชื่อ ไม่มีเพศสัมพันธ์กันก็จริง แต่เป็นสิ่งไร้สาระ ต่อจากนี้ไปต้องเตือนอีกซักครั้งถ้าแม่ชีทำต่อ หรือวิธีทางการปกครอง จำเป็นต้องไล่ออก และให้กระทรวงดูต่อว่ามีพฤติกรรมแบบนี้อยู่อีกหรือไม่
............
เรื่องราวของแม่ชีทศพร กับ การสแกนกรรม
ก่อนหน้านี้ กระแสของ แม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ธรรม (ชัยประคอง) หรือ แม่ชีใหญ่ เริ่มเป็นที่พูดถึง ภายหลังจากหนังสือ "เกิดแต่กรรม" (หนังสือที่บอกเล่าชีวิตของแม่ชี) ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งที่ 13 ภายในเวลาไม่กี่เดือน
จนกระทั่ง แม่ชีได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรในรายการมิติพิศวง ทางช่อง 7 เพื่อบอกเล่าถึงความสามารถเฉพาะตัวในการ "สแกนกรรม" ให้แก่ผู้อื่นได้ ซึ่งทำให้ชื่อของแม่ชีกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง นับแต่นั้นมา
แม่ชีทศพร มีชื่อและนามสกุลเดิม คือ นางมาลินี ชัยปกรณ์ เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม 2501
ก่อนบวช แม่ชีเคยประกอบอาชีพค้าขาย ได้แต่งงานและมีบุตรรวมทั้งสิ้น 5 คน
ชีวิตของแม่ชีต้องประสบความล้มเหลว ทั้งในทางธุรกิจและชีวิตครอบครัว มีเหตุให้แม่ชีต้องเป็นเมียน้อย และพบกับความโหดร้ายของสามีมาโดยตลอด
ครั้งหนึ่งขณะที่แม่ชีป่วยหนักสามีได้เอาน้ำเย็นมาสาดแล้วบอกให้แม่ชีไปตายที่อื่น ครั้งนั้นแม่ชีคิดฆ่าสามี แต่ด้วยธรรมะจากหลวงพ่อปรีชา ธนวฑฺฒโก ณ วัดเขาอิติสุคโต อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงทำให้แม่ชีมีสติ และหันมาฝักใฝ่ทางธรรม ด้วยการตัดสินใจลาบวชเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อปรีชา จวบจนปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า20 แล้ว
แม่ชีทศพรระบุว่าได้เรียนรู้การนั่งสมาธิจากหลวงพ่อปรีชา ซึ่งเป็นผู้มีความสามารถในการแยกกายทิพย์ จนกระทั่งตนเองสามารถบรรลุญาณขั้นสูง ทำให้มองเห็นความทุกข์และกรรมในอดีตชาติของตนเองและผู้อื่นได้
คนที่ได้มีโอกาสให้แม่ชีทศพรแก้ไขโรคกรรม ผ่านการสแกนกรรมให้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นลูกศิษย์ที่เข้ามาศึกษาพระธรรมในวัดพิชยญาติการาม
โดยได้มีการเปิดรับพุทธศาสนิกชนที่สนใจศึกษาพระธรรมเข้ามาเรียนรู้การนั่งสมาธิและปฏิบัติธรรม ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งในแต่ละอาทิตย์จะมีคนสนใจนุ่งขาวห่มขาวเข้ามาปฏิบัติธรรมมากถึง 500-1,000 คน เพื่อรอการเปิดกรรมจากแม่ชี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย