เมื่อเวลา 17.45 น. วันที่ 27 ก.ค.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงผลการหารือกับพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผบ.ตร.และนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสมช.ว่า จะประเมินพรก.ฉุกเฉินในภาพรวมทั้งหมดเนื่องจากพรุ่งนี้( 28 ก.ค.)จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)ที่มีหลายวาระ ทั้งในเรื่องของภาพรวมพรก.ฉุกเฉิน กัมพูชาและเรื่องต่างๆ จึงซักซ้อมประเด็นนำข้อมูลเพื่อเดินหน้าไปในทิศทางเอกภาพในส่วนของรัฐบาล
ส่วนจะหารือถึงการพิจารณายกเลิกพรก.หรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน บอกไว้ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว คิดว่าในกรณีของกรุงเทพฯ ยังคงอยู่ เพียงแต่กำลังจะทยอยยกเลิกอีกหลายพื้นที่ คิดว่าน่าจะสามารถยกเลิกได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงเหตุระเบิดครั้งล่าสุดว่า ส่วนที่มองว่าเจ้าหน้าที่หละหลวมนั้น ต้องสั่งให้มีความเข้มงวดกวดขันมากขึ้นเพราะสิ่งที่ไม่ต้องการเห็นที่สุด คือประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง ดังนั้นการทำงานของเจ้าหน้าที่ต้องให้ความสำคัญในการระมัดระวังความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
"เหตุที่เกิดขึ้นมีหลายปัจจัย เพราะวันที่เกิดเหตุก็เป็นวันเลือกตั้งด้วย (เลือกตั้งซ่อม ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 6) แม้ยังไม่มีความชัดเจนว่ามีความเกี่ยวโยงกันชัดเจนหรือไม่ แต่ก็คงเป็นที่ยอมรับว่าการประเมินสถานการณ์มีการพูดมาโดยตลอดว่าบางฝ่ายอาจจะมีความเคลื่อนไหวในลักษณะซึ่งเป็นอันตรายอยู่ แต่เจ้าหน้าที่ต้องป้องกันให้ดีที่สุด เครื่องมือทางกฎหมายก็ถือว่ามีพร้อมในพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ว่าเครื่องมืออื่นต้องทบทวนและเข้มงวดกันมากขึ้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
แนะสืบจากวิธีประกอบบึ้ม
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า แม้ยังไม่มีใครชี้ชัดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่การทำโดยสถานที่จังหวะเวลาก็ต้องคำนึงถึง เพราะเวลาที่มีการก่อเหตุแบบนี้ผู้ก่อเหตุก็ต้องการส่งสัญญาณ หรือก่อให้เกิดความรู้สึก หรือว่าสถานการณ์ใดขึ้นมาก็ต้องพิจารณาให้ครบถ้วน ทั้งจังหวะเวลาสถานที่ และปัจจัยอื่นๆ
ส่วนผลกระทบที่เกิดจากเหตุระเบิดนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และทำให้เกิดความหวาดระแวงไม่จบไม่สิ้น รวมทั้งนำไปสู่ความขัดแย้ง เพราะว่าต่างฝ่ายต่างจะออกมากล่าวหาว่าเป็นฝีมือของฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ ทั้งที่ความเป็นจริงดีที่สุด คือสังคมทั้งสังคมต้องร่วมกันต่อต้านและประณามรูปแบบของการใช้ความรุนแรง ส่วนใครเป็นผู้ทำดีที่สุดก็คือให้เจ้าหน้าที่ไปสืบสวนสอบสวนตามความเป็นจริง
"มีการตั้งข้อสังเกตลักษณะของการประกอบระเบิด น่าจะเป็นแนวทางที่จะไปขยายผลได้ดีที่สุด เป็นการประกอบระเบิดที่คล้องจองกับ 2 เหตุการณ์เท่าที่ผมจำได้ ฉะนั้นจะเป็นจุดที่มีฐานของการสืบสวนสอบสวนอยู่ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ผมคิดว่า จะต้องปรับระบบป้องกันเหตุด้วย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
แฉจ้องวินาศกรรมซ้ำ-สั่งรับมือ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุในลักษณะนี้ มีการรายงาน แต่ไม่สามารถบอกจุดได้ชัดเจน ส่วนจะต้องมีการตั้งด่านเพื่อตรวจสอบอาวุธมากขึ้นหรือไม่ คงจะต้องทำงานในลักษณะที่ละเอียดในเรื่องของจุดเสี่ยงจุดล่อแหลมมากขึ้น คือพื้นที่ใดที่เป็นสัญลักษณ์ ต้องเข้มงวดกวดขันระมัดระวังกันมากขึ้น
เมื่อถามย้ำว่าที่บอกว่ามีรายงานนั้นเป็นรายงานที่เกิดก่อนเหตุใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ใช่ครับ มีรายงานว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีเหตุในลักษณะอย่างนี้เกิดขึ้น คือมีเหตุของการก่อวินาศกรรมในพื้นที่ในเมือง”
อย่างไรก็ตาม แม้การข่าวจะรู้ล่วงหน้าว่าอาจจะมีความเป็นไปได้ในการเกิดเหตุ แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าจะเกิดที่ใด เมื่อใด ดังนั้นเป็นความยากลำบากของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ หน้าที่ของเราที่พยายามป้องกัน รวมทั้งการเร่งรัดคดีความต่างๆ และพยายามจับกุมบุคคลที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงต่างๆ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงลงไป แต่ยังมีเรื่องของคดีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ยังค้างก็ยังมีหลายคดี
เลขาสมช. รับบึ้มบิ๊กซีพวกมืออาชีพ
นายถวิล กล่าวก่อนเข้าพบนายกรัฐมนตรีว่า คนจ้องก่อเหตุก็ทำได้อยู่ตลอดเวลา เพราะพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ได้เป็นคาถาที่จะกันทุกอย่างได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าผู้ก่อเหตุวางระเบิดเป็นข้าราชการซึ่งเป็นมืออาชีพเพราะมีความเชี่ยวชาญ นายถวิล ยอมรับว่า ทำนองนั้นๆ เป็นมืออาชีพ
เมื่อถามว่า แสดงว่าพอรู้ตัวคนร้ายแล้วใช่หรือไม่ เลขาธิการสมช. กล่าวว่า ยัง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่รู้ตัวเลย เมื่อถามย้ำว่า เป็นคนมีสีหรือไม่ เพราะมีคนบอกว่าต้องเป็นคนมีสีเท่านั้นถึงจะทำได้ นายถวิล ไม่ได้ตอบคำถามนี้แต่อย่างใด ทั้งนี้ คาดว่า การเข้าพบหารือกับนายกรัฐมนตรีคงจะได้หารือถึงสถานการณ์ และน่าจะเกี่ยวข้องกับการพิจารณาทบทวนการยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ด้วย
เมื่อถามว่า ในการประชุมครม.วันที่ 28 ก.ค. จะเสนอให้ยกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯเพิ่มเติมอีกหรือไม่ นายถวิล กล่าวว่า ยังไม่ทราบเลย ยังประเมินสถานการณ์อยู่ เมื่อถามว่า เมื่อเกิดเหตุระเบิดที่ห้างบิ๊กซีจะส่งผลกระทบต่อการทบทวนการยกเลิกประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯหรือไม่ เลขาธิการ สมช.กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีท่านสั่งให้ทบทวนโดยตลอด อยู่แล้ว