สำนักข่าวมุสลิมไทย - ผลสำรวจใหม่มุสลิมยุโรปพร้อมอยู่ร่วมกับสังคมอื่น แม้ต้องพบการเลือกปฏิบัติด้านศาสนา สถาบันเอกชนโอเพ่น โซซัยตี้ (OSI) เปิดเผยผลสำรวจการอยู่ร่วมอย่างกลมกลืนในสังคมหลักของมุสลิม หลังจากทำการสอบถามประชาชนใน 11 เมืองทั่วยุโรป พร้อมทั้งเรียกร้องให้พัฒนาความพยายาม ในการรับมือกับอคติต่างๆ และสนับสนุนให้เกิดความยุติธรรม และเปิดใจกว้าง ผลสำรวจเปิดเผยว่า ถึงแม้จะมีการคาดกันว่า จำนวนมุสลิมในยุโรปจะเพิ่มถึง 40 ล้านคนในปี 2025 แต่ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็ยังจำกัดมาก และอุปสรรคใหญ่ที่ขวางกั้นการอยู่ร่วมกับสังคมหลัก คือการเลือกปฏิบัติด้านศาสนา ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากใน 2-3 ปีที่ผ่านมา นาเซีย ฮุสเซน ซึ่งเป็นผู้ดูแลการสำรวจกล่าวในการให้สัมภาษณ์ บีบีซีว่า แม้ว่าจะพยายามเข้าไปร่วมกับสังคมหลักมากเพียงไรก็ตาม แต่มุสลิมยุโรปยังคงถูกมองว่าเป็นคนแปลกหน้า รายงานดังกล่าวทำโดยการสุ่มตัวอย่างในเมืองใหญ่ๆ ของประเทศต่างๆ ในยุโรป ได้แก่เมืองอัมสเตอร์ดัม และรอทเทอร์ดัมในเนเธอร์แลนด์ เมืองแอนท์เวิร์พในประเทศเบลเยี่ยม กรุงเบอร์ลินและเมืองฮัมบวร์กของเยอรมัน กรุงโคเปนเฮเก้นของเดนมาร์ก เมืองลีสเตอร์และกรุงลอนดอนของอังกฤษ เมืองมาเซยย์และกรุงปารีสของฝรั่งเศส และกรุงสต๊อกโฮล์มของสวีเดน ในเมืองครูซเบิร์กใกล้กรุงเบอร์ลิน มุสลิมพูดไม่เต็มปากว่าเป็นชาวเยอรมัน เพราะพวกเขามีความรู้สึกว่าสังคมเยอรมันไม่ต้อนรับ นอกจากนั้นกฎหมายใหม่ที่ห้ามสวมเครื่องหมาย และเสื้อผ้าที่เน้นศาสนาในโรงเรียน ก็ยังก่อให้เกิดผลกระทบอย่างอันตรายต่อมุสลิม กรณีนักสร้างหนังในเนเธอร์แลนด์ ถูกฆาตกรรมโดยมุสลิมหัวรุนแรง ทำให้สังคมผูกโยงเรื่องราวเข้าด้วยกัน และแน่นอนว่าความผิดตกอยู่กับมุสลิมทั้งปวง ด้วยถูกหาว่าเป็นผู้ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยในสังคม สรุปผลสำรวจ และคำแนะนำในหัวข้อต่างๆ ได้แก่ - กลุ่มมุสลิมจำนวนร้อยละ 61 แสดงความรักประเทศชาติ ส่วนร้อยละ 72 รู้สึกรักเมืองที่อาศัยอยู่
- มุสลิมส่วนมากที่มีสิทธิเลือกตั้ง ได้รักษาสิทธิโดยการไปลงคะแนนทั้งในระดับท้องถิ่น และประเทศมุสลิมที่ยังไม่ได้สัญชาติของประเทศที่อาศัยอยู่ ยังคงไม่มีสิทธิ์ในการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในเยอรมัน-ฝรั่งเศส
- ครึ่งหนึ่งของมุสลิมที่ตอบแบบสอบถาม เคยถูกอคติด้านศาสนาภายใน 12 เดือนที่ผ่านมา
- จำนวนมุสลิมที่ตกงานมีมากเกือบ 3 เท่าของผู้ที่นับถือศาสนาอื่น
- เจ้าหน้าที่รับผิดชอบต้องดูแลรักษาเขตที่อยู่อาศัย ที่มีชาวบ้านศาสนา และเชื้อชาติต่างๆ อาศัยอยู่ร่วมกันกับประชาชนในสังคมหลัก และต้องให้มั่นใจว่าการเลือกปฏิบัติจะไม่เป็นอุปสรรคในการที่มุสลิมจะเลือกที่อยู่อาศัย
- แต่ละเมืองควรให้การอุปถัมภ์ และเชิดชูเอกลักษณ์ต่างๆ ที่เป็นจุดเด่นของเมือง โดยไม่เลือกว่าเอกลักษณ์นั้นจะเป็นของกลุ่มหรือศาสนาใดโดยเฉพาะ โดยเมืองใหญ่ๆ ที่ทำกิจกรรมเช่นนี้สำเร็จมาแล้ว เช่น อัมสเตอร์ดัม แอนท์เวิร์ป และโคเปนเฮเก้น
- อียู. ควรเก็บตัวเลขที่แน่นอนของชนกลุ่มน้อย และเร่งดำเนินการให้เสมอภาคในด้านต่างๆ เช่น การศึกษา ที่อยู่อาศัย และการบริการสังคมอื่นๆ
- อียู. ควรช่วยสนับสนุนเมืองต่างๆ ในการแลกเปลี่ยนข่าวสาร และเก็บข้อมูลต่างๆ ในด้านการศึกษา ของเด็กที่เป็นสมาชิกชนกลุ่มน้อยในเมืองนั้นๆ
|